การทำนาคาร์บอนต่ำในวิทยาเขตนครสวรรค์ : ต้นแบบเกษตรลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและฟื้นฟูระบบนิเวศ

MU-SDGs Case Study*

การทำนาคาร์บอนต่ำในวิทยาเขตนครสวรรค์ : ต้นแบบเกษตรลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและฟื้นฟูระบบนิเวศ

ผู้ดำเนินการหลัก*

นายธนากร จันหมะกสิต

ส่วนงานหลัก

ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ

ผู้ดำเนินการร่วม

1. ผศ.ดร. ปัณฑารีย์ แต้ประยูร
2. น.ส. วิมลรัตน์ อัตถบูรณ์
3. นายประยูร แตงทรัพย์
4. รศ.ดร. สมพงศ์ โอทอง

ส่วนงานร่วม

1. หน่วยวิจัยการใช้ประโยชน์ทางการเกษตรและสิ่งแวดล้อม ม.มหิดล วิทยาเขตนครสวรรค์
2. กลุ่มผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวสามมัคคีพันธุ์ข้าว

เนื้อหา*

การทำนาแบบดั้งเดิมในหลายพื้นที่ของประเทศไทยมักใช้วิธี “แช่น้ำตลอดฤดู” และมีการเผาตอซังหลังเก็บเกี่ยว ซึ่งเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำคัญ ได้แก่ มีเทน (CH₄) และไนตรัสออกไซด์ (N₂O) ส่งผลต่อภาวะโลกร้อนและคุณภาพอากาศ โครงการนี้จึงมุ่งพัฒนาระบบ “การทำนาคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Rice Farming)” เพื่อเป็นต้นแบบการผลิตข้าวที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสร้างองค์ความรู้ที่สามารถถ่ายทอดสู่เกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างได้
ภายใต้พื้นที่สาธิตของศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้จัดทำ “แปลงนาข้าวคาร์บอนต่ำต้นแบบ” ขนาด 1 ไร่ เพื่อทดสอบแนวทางการจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้ง (Alternate Wetting and Drying: AWD) ร่วมกับการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน และการใช้ฟางข้าวหมักแทนการเผา

กิจกรรมหลักและแนวทางดำเนินงาน
• วิเคราะห์ดินและวางแผนการจัดการธาตุอาหารพืชตามค่าวิเคราะห์
• ใช้ระบบ AWD โดยติดตั้งท่อวัดระดับน้ำและควบคุมรอบการให้น้ำ
• เปรียบเทียบผลผลิตและการปล่อยคาร์บอนกับแปลงนาทั่วไป
• ประเมินอัตราการปล่อยก๊าซ CH₄ และ N₂O จากการทำนา
• ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้นักศึกษาและเกษตรกรในพื้นที่รอบวิทยาเขต

ผลลัพธ์และประโยชน์
• ลดการใช้น้ำในการทำนาได้กว่า 30%
• ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 25–40% เมื่อเทียบกับแปลงทั่วไป
• ฟื้นฟูสุขภาพดินและเพิ่มอินทรียวัตถุจากการหมุนเวียนฟางข้าว
• เป็นพื้นที่ต้นแบบด้าน “Green Campus & Sustainable Agriculture” ของมหาวิทยาลัย
• ขยายผลเชื่อมโยงกับชุมชนรอบบึงบอระเพ็ดและเครือข่ายนิคม NEXT

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs13

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

13.2

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs2,12,15

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

2.4, 12.4, 12.5, 15.1, 3.9
Links ข้อมูลเพิ่มเติม * 
https://www.facebook.com/share/p/1D69jw3Ga9/
https://www.facebook.com/share/17bUtPSPRo/
https://www.facebook.com/share/v/17Ds3NgokT/
 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2,3

Partners/Stakeholders*

1. ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ ม.มหิดล วิทยาเขตนครสวรรค์
2. เครือข่ายเกษตรกรพื้นที่รอบบึงบอระเพ็ด
3. กลุ่มผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวสามมัคคีพันธุ์ข้าว
4. หน่วยงานสิ่งแวดล้อมและการเกษตรระดับจังหวัด

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

Key Message*

ต้นแบบนาคาร์บอนต่ำ มหิดลนครสวรรค์”
“ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพิ่มความยั่งยืนให้ระบบเกษตร”
“สร้างองค์ความรู้จากแปลงจริง สู่ชุมชนคาร์บอนต่ำในอนาคต”

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

2.4.1, 13.2.1, 12.4.1, 12.5.1, 15.1.1

การพัฒนาโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่สู่มาตรฐาน GFM: ยกระดับคุณภาพไข่และระบบการผลิตสู่ความยั่งยืน

MU-SDGs Case Study*

การพัฒนาโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่สู่มาตรฐาน GFM: ยกระดับคุณภาพไข่และระบบการผลิตสู่ความยั่งยืน

ผู้ดำเนินการหลัก*

นายธนากร จันหมะกสิต

ส่วนงานหลัก

ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการโครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ผู้ดำเนินการร่วม

1. นายสันติ สะสีแสง
2. นายสาธิต จันทร์เขียว
3. นายสุชาติ แท่นกระโทก
4. นางรัชนี คุ้มบัว
5. นางสาวชุติภากาญจน์ ประจันทร์
6. ผศ.ดร. ปัณฑารีย์ แต้ประยูร

ส่วนงานร่วม

1. งานกายภาพและสิ่งแวดล้อม
2. งานอำนวยการกลาง
3. หน่วยวิจัยการใช้ประโยชน์ทางการเกษตรและสิ่งแวดล้อม

เนื้อหา*

โครงการวิจัยและพัฒนาโรงเรือนเลี้ยงไก่ไข่นี้มีจุดเริ่มจากปัญหาโรงเรือนเดิมที่สร้างจากไม้ ปูน และสังกะสี ซึ่งเสื่อมสภาพ ถูกปลวก หนู และสุนัขจรจัดทำลาย ระบายอากาศไม่ดี อุณหภูมิสูงถึง 35–38 °C ในฤดูร้อนและชื้นในฤดูฝน ทำให้ไก่เครียด มีปัญหาสุขภาพ และผลผลิตต่ำกว่ามาตรฐาน ขาดมาตรการสุขาภิบาลและ Biosecurity ที่เข้มงวด ทีมงานจึงดำเนินการพัฒนาโรงเรือนใหม่ โดยใช้แนวทางตามมาตรฐานสินค้าเกษตร มกษ. 6909(G)-2562 (GAP ฟาร์มไก่ไข่) และมาตรฐาน Good Farm Management (GFM) ของกรมปศุสัตว์ ใช้กระบวนการ PDCA (Plan–Do–Check–Act) ในการปรับปรุงโครงสร้าง ออกแบบระบบระบายอากาศ แสงสว่าง การให้อาหารและน้ำอัตโนมัติ รวมถึงการจัดการมูลสัตว์เพื่อลดกลิ่นและแมลง

ผลการดำเนินงาน
• ภายใน 60 วันแรก โรงเรือนใหม่ให้ผลผลิตไข่รวม 5,202 ฟอง มากกว่าโรงเรือนเก่า (4,900 ฟอง)
• สัดส่วนไข่เบอร์มาตรฐาน (เบอร์ 0–3) เพิ่มขึ้นจาก 51.8% เป็น 59.7% ของผลผลิตทั้งหมด
• ลดสัดส่วนไข่เบอร์เล็ก (เบอร์ 5) ลงกว่า 34%
• สามารถควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในเกณฑ์ 25–30 °C และลดกลิ่น/แมลงรบกวนได้กว่า 50%
• โรงเรือนใหม่ป้องกันสัตว์พาหะได้อย่างมีประสิทธิภาพ และผ่านการรับรองมาตรฐาน GFM ในปีแรก

ประโยชน์
• ยกระดับคุณภาพผลผลิตไข่ไก่ เพิ่มความปลอดภัยทางอาหาร
• เป็นต้นแบบการเรียนการสอนและวิจัยด้านการจัดการฟาร์มมาตรฐาน
• ขยายผลสู่ชุมชนและเกษตรกรรายย่อย สามารถนำแบบอย่างไปปรับใช้จริง
• ลดความเสี่ยงสิ่งแวดล้อมจากกลิ่น มูลสัตว์ และการปนเปื้อน

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs2

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

2.3, 2.4

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs3,12,7,13

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

3.9, 12.4, 12.5, 7.2, 13.2
Links ข้อมูลเพิ่มเติม * 
https://www.facebook.com/share/p/1724u7uNap/
https://www.facebook.com/share/p/1ATCjvR6Q6/
 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2,4

Partners/Stakeholders*

1. ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ ม.มหิดล วิทยาเขตนครสวรรค์
2. งานกายภาพและสิ่งแวดล้อม, งานอำนวยการกลาง, งานวิชาการและหลักสูตร, หน่วยวิจัยการใช้ประโยชน์ทางการเกษตรและสิ่งแวดล้อม
3. กรมปศุสัตว์ (ผู้ตรวจประเมินมาตรฐาน GFM)
4. เกษตรกรและผู้สนใจที่เข้าร่วมศึกษาดูงาน

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

Key Message*

“ยกระดับฟาร์มไก่ไข่สู่มาตรฐาน GFM”
“เพิ่มคุณภาพไข่ สร้างความมั่นคงทางอาหารและสุขภาพ”
“ต้นแบบการเรียนรู้และการผลิตที่ยั่งยืนของมหิดล”

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

2.3.1, 2.4.1, 3.9.1, 12.4.1, 12.5.1, 7.2.1

ตู้กับข้าวยั่งยืน เพื่อประกอบการเรียนการสอนรายวิชาเครือข่ายและการจัดชุมชนและรายวิชาระบบการทำฟาร์มเกษตรยั่งยืน

MU-SDGs Case Study*

ตู้กับข้าวยั่งยืน เพื่อประกอบการเรียนการสอนรายวิชาเครือข่ายและการจัดชุมชนและรายวิชาระบบการทำฟาร์มเกษตรยั่งยืน

ผู้ดำเนินการหลัก*

1. ดร.ธนากร เที่ยงน้อย 
2. ดร.เปล่งสุรีย์ เที่ยงน้อย 

ส่วนงานหลัก*

โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล 

ผู้ดำเนินการร่วม

นายธนากร จันหมะกสิต

ส่วนงานร่วม

1.นักศึกษาหลักสูตรเกษตรยั่งยืนเพื่อสุขภาพและการประกอบการ
2.ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

เนื้อหา*

โครงการตู้กับข้าวยั่งยืน เพื่อประกอบการเรียนการสอนรายวิชาเครือข่ายและการจัดชุมชนและรายวิชาระบบการทำฟาร์มเกษตรยั่งยืน ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยใช้พื้นที่ประมาณ 1 งานหรือ 100 ตารางเมตรของศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล ดำเนินการเพื่อการสร้างประสบการณ์และองค์ความรู้จากการลงมือปฏิบัติจริง (Up skill) ให้กับนักศึกษา ทั้งด้านการผลิตผักไฮโดรโปนิกส์และการทำการเกษตรผสมผสานในพื้นที่จำกัดเพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ ลงมือปฏิบัติและยังเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนให้บุคลากรภายในโครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้บริโภคผักและผลผลิตเกษตรฟรี หรือจำหน่ายในราคาย่อมเยาหรืออีกด้วย   

การทำการเกษตรทั้งการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่จำกัดมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากการขยายตัวของสังคมเมืองทำให้มีพื้นที่ทำการเกษตรลดลง ในขณะเดียวกันการเพิ่มขึ้นของประชาการส่งผลต่อปริมาณความต้องการอาหารที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น ดังนั้นการได้ลงมือทำการเกษตรในพื้นที่จำกัดจะเป็นการส่งเสริมให้นักศึกษาและผู้ที่สนใจจะได้รับประโยชน์ดังนี้

    1.สามารถวางแผน เห็นตัวอย่าง และลงมือปฏิบัติเพื่อสร้างสวนเกษตรในพื้นที่ที่มีอยู่อย่างจำกัดได้จริง

    2.มีอาหารสำหรับแจกจ่าย แบ่งปันให้แก่นักศึกษา บุคลากรภายในโครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้บริโภค

    3.เป็นพื้นที่ตัวอย่างการทำการเกษตรอย่างยั่งยืนในพื้นที่จำกัดสำหรับผู้ที่สนใจทั่วไป   

 

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs2

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

2.3,2.4,2.5,2.a 

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs11
SDGs12

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

11.7,11.a,12.3,12.5,12.8,12.a
Links ข้อมูลเพิ่มเติม * 

https://www.facebook.com/profile.php?id=61576946682822&sk=about

 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2,3

Partners/Stakeholders*

1.  ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

2.  นักศึกษาหลักสูตรเกษตรยั่งยืนเพื่อสุขภาพและการประกอบการ

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

Key Message*

“ตู้กับข้าวยั่งยืน”
“การเกษตรอย่างยั่งยืนในพื้นที่จำกัด”
“Tiny Food Factory”

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

2.4.1, 2.a.2, 11.3.1, 12.3.1, 12.5.1

โครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเป้าหมายพิเศษ ในพื้นที่นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

MU-SDGs Case Study*

โครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเป้าหมายพิเศษ
ในพื้นที่นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

ผู้ดำเนินการหลัก*

รศ.ดร.สงพงษ์ โอทอง

ผศ.ดร.ปัณฑารีย์ แต้ประยูร

นายธนากร จันหมะกสิต

อ.ดร.ชลธิชา มามิมิน

ส่วนงานหลัก*

1. หน่วยวิจัยการใช้ประโยชน์ทางการเกษตรและสิ่งแวดล้อม 

2. ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ

3. หลักสูตรเทคโนโลยีเกษตรและสิ่งแวดล้อม

ผู้ดำเนินการร่วม

1. นางสาวศิษยา จันทภา 

ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์

2. ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่หน่อไม่ฝรั่ง อ.ตากฟ้า

 

ส่วนงานร่วม

1. นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)

2. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่หน่อไม่ฝรั่ง อ.ตากฟ้า

3. องค์การบริการส่วนตำบลพุนกยูง อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์

เนื้อหา*

                ในปัจจุบันพื้นที่นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเป้าหมายพิเศษในพื้นที่นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568  เพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะความรู้ พัฒนาทุนมนุษย์สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมอัตลักษณ์นิคมสร้างตนเอง (นิคมNEXT) พัฒนาสังคมจากรากฐานให้เข้มแข็งและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น พัฒนาทักษะและอาชีพให้ตรงกับความต้องการของตลาด สนับสนุนให้สมาชิกนิคมและราษฎรในพื้นที่มีอาชีพมีรายได้อย่างยั่งยืนต่อไป โดยผ่านการพัฒนา 6  ด้าน คือ 1) ด้านการสร้างอาชีและรายได้ 2)ด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชน 3) ด้านการพัฒนาผู้สูงอายุ 4) ด้านการพัฒนาคนพิการ  5)  ด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิตสตรีและครอบครัว และ 6) ด้านการพัฒนาป่านิเวศชุมชน  ซึ่งประชาชนในพื้นที่นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่มีรายได้น้อยและขาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน เกษตรกรในพื้นที่ยังประสบปัญหาการผลิตผลเกษตรที่ไม่สามารถเพิ่มมูลค่าได้ และยังขาดความรู้ในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าสูงขึ้น เช่น หน่อไม้ฝรั่งและเศษหน่อไม้ฝรั่ง นอกจากนี้ ปัญหาการเลี้ยงโคนมยังมีการใช้ต้นทุนสูง และผลผลิตน้ำนมที่ต่ำ ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ไม่สามารถเพิ่มรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับนิคมสร้างตนเองตากฟ้าหน่วยงานในสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเป้าหมายพิเศษที่อาศัยอยู่ในนิคมสร้างตนเองตากฟ้า โดยการการยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มมูลค่าของเศษเหลือทิ้งจากกระบวนการตัดแต่งทางการเกษตร รวมถึงการพัฒนาการเลี้ยงโคนม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนในการเลี้ยงโคนม นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการถ่ายทอดความรู้และเทคนิคต่าง ๆ ผ่านการฝึกอบรมจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่สามารถนำไปใช้จริงได้อย่างยั่งยืน ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการนี้ คือ การเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรในพื้นที่ อีกทั้งจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเป้าหมายพิเศษในพื้นที่นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ โดยการส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและการพัฒนาการเลี้ยงโคนม ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้นและสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ อีกทั้งยังช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืน และช่วยลดปัญหาความยากจนในระยะยาว

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs2

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

2.2, 2.4 

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs1,8,12,17

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

1.1, 1.4, 8.1, 8.2, 8.6, 12.2,  12.3, 12.5
Links ข้อมูลเพิ่มเติม * 

https://www.facebook.com/profile.php?id=100057309017433

 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 1

Partners/Stakeholders*

1. ประชาชนในนิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์
2. นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ หน่วยงานในสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
3. โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

Key Message*

สร้างความยั่งยืน ด้านรายได้ แก้ไขปัญหาการทำการเกษตรด้วยงานวิจัยเชิงพื้นที่ โดยทำงานประสานกันระหว่างหน่วยงาน ชุมชน และมหาวิทยาลัย

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

17.2.4

การเลี้ยงไก่ไข่แบบปล่อยอิสระในสวนยางพารา หมู่ที่ 2 ตำบลนาวง อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง

MU-SDGs Case Study*

การเลี้ยงไก่ไข่แบบปล่อยอิสระในสวนยางพารา หมู่ที่ 2 ตำบลนาวง อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง

ผู้ดำเนินการหลัก*

นางสาวอติพร โพธิ์แก้ว

ส่วนงานหลัก*

หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเกษตรกรปราชญ์เปรื่อง (SMART Farmer)
โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ผู้ดำเนินการร่วม

อ.ดร.สมสุข พวงดี
ผศ.ดร. ศศิมา วรหาญ

ส่วนงานร่วม

โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

เนื้อหา*

วัตถุประสงค์

1. สร้างแหล่งอาหารที่สด สะอาด ปลอดภัยให้แก่ครอบครัวและชุมชน

2. เพิ่มรายได้จากธุรกิจไก่ไข่ปล่อยอิสระในสวนยางพารา

3. เพิ่มความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในสวนยางพารา

4. จัดการหมุนเวียนเศษเหลือทางการเกษตรมาใช้ประโยชน์

สืบเนื่องจากโครงการนี้เป็น senior project ของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเกษตรกรปราชญ์เปรื่อง (SMART Farmer) นางสาวอติพร โพธิ์แก้วได้นำความรู้และทักษะจากการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัยมาพัฒนาระบบการเกษตรที่บ้านเกิดให้ยั่งยืนและเป็นตัวอย่างให้แก่ชุมชนระบบการเกษตรในพื้นที่ หมู่ที่ 2 ตำบลนาวง อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง เป็นเกษตรเชิงเดี่ยว (Monoculture) เน้นการปลูกสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมัน รายได้หลักจึงมาจากผลผลิตจากยางพารา และปาล์มน้ำมัน พืชทั้งสองชนิดนี้ใช้เวลาเก็บเกี่ยวในครั้งแรกนานถึง 5-6 และ 4-7 ปี ตามลำดับ และถูกควบคุมราคาจากพ่อค้าคนกลาง จากข้อจำกัดทั้งสอง ส่งผลให้เกษตรกรมีรายรับไม่ต่อเนื่องตลอดทั้งปี และมีรายได้น้อย ในแง่ของระบบนิเวศ การทำสวนยางพาราเชิงเดี่ยวทำให้ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในชุมชนนาวงลดลง ผลที่ตามคือการใช้สารเคมีควบคุมวัชพืช และพึ่งพาแหล่งอาหารจากภายนอกมากขึ้น 

พื้นที่ตัวอย่างในการทำปริญญานิพนธ์ เป็นพื้นที่ที่ปลูกยางพาราเชิงเดี่ยวเช่นกัน การปลูกผลไม้แซมริมขอบสวนยางพาราจึงถูกริเริ่มเพื่อหาแนวทางลดข้อจำกัดดังกล่าว เช่น เงาะ มังคุด ทุเรียน มะม่วง ลองกอง และกล้วย เป็นต้น ผลที่ตามมาคือครอบครัวมีรายได้จากการจำหน่ายผลไม้ทั้งสดและแปรรูปในช่วงผลไม้ให้ผลผลิต รวมถึงสร้างการแบ่งปันให้คนในชุมชนเป็นบางครั้ง นอกจากนี้ยังพบว่าพื้นที่มีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตและเกิดการหมุนเวียนมูลเป็นปุ๋ยให้พืชได้ขึ้นเอง เนื่องจากนกและไก่ป่าเข้ามาอยู่อาศัยในสวนยางพาราผสมผลไม้ และขับถ่ายมูลลงมาตามธรรมชาติ แต่อย่างไรก็ดีการปลูกผลไม้ร่วมกับยางพารา แม้จะมีข้อดีดังกล่าว แต่ก็มีข้อจำกัดในแง่การเพิ่มรายได้เกิดขึ้นตามฤดูกาลเท่านั้น 

ระหว่างการเรียนรู้การทำธุรกิจการเลี้ยงไก่ไข่ปล่อยอิสระในป่าสัก ภายใต้แบรนด์ “the teak chicken” ในพื้นที่มหาวิทยาลัยมหิดล พบว่ากลุ่มลูกค้าที่รักสุขภาพมีอยู่จริง และพร้อมยอมจ่ายให้กับไข่ที่มีคุณภาพ สด ปลอดภัย และใส่ใจสิ่งแวดล้อม ภายใต้วิธีการเลี้ยงแบบปล่อยอิสระ ความรู้และประสบการณ์ดังกล่าวจึงมองเห็นโอกาสการสร้างแหล่งอาหารที่มีคุณภาพ พร้อมการสร้างรายได้รายวันในสวนยางพาราของตัวเองได้ และการหมุนเวียนกากมะพร้าวคั้นกะทิที่ส่งกลิ่นเหม็นในชุมชนมาใช้เป็นอาหารไก่เพื่อลดต้นทุน

ผลลัพธ์ของ senior project พบว่าการเลี้ยงไก่ไข่ปล่อยอิสระในสวนยางพาราสามารถ
•สร้างแหล่งอาหารโปรตีนที่สด ปลอดภัย มีคุณภาพ และจำหน่ายในราคาที่ชุมชนเข้าถึงได้
•สร้างรายได้รายวันจากการจำหน่ายไข่ไก่และรายเดือนจากการจำหน่ายปุ๋ยมูลไก่ให้แก่ครอบครัว
•เพิ่มความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในสวนยางพารา
•จัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมจากกลิ่นเหม็นจากกากมะพร้าวคั้นกะทิในชุมชน

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs2,12

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

2.1, 2.3, 2.4
12.3, 12.a, 12.b 

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs15

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

 15.1, 15.4, 15.9
Links ข้อมูลเพิ่มเติม * 

https://www.facebook.com/profile.php?id=100024874219328&mibextid=LQQJ4d

https://youtube.com/shorts/U2mDfcVcKgc?si=ph1oFacX2sUILKhI

 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2

Partners/Stakeholders*

1. โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์
2. ชุมชนบ้านไสบ่อ ตำบลนาวง อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

 

Key Message*

การเลี้ยงไก่ไข่ปล่อยอิสระในสวนยางพาราสามารถดำเนินเป็นธุรกิจในชุมชนได้ ไม่เพียงสร้างรายได้รายวันเท่านั้น แต่ยังสร้างแหล่งอาหารโปรตีนที่มีคุณภาพ สด และปลอดภัยให้แก่ชุมชนได้เข้าถึงในราคาไม่แพง (SDGs2, 12) นอกจากนี้การเลี้ยงไก่ไข่ยังช่วยเพิ่มสิ่งมีชีวิตในสวนยางพาราให้มีความหลากหลายได้อีกด้วย (SDGs15) ในแง่สิ่งแวดล้อมการเลี้ยงไก่ไข่ในสวนยางพาราช่วยเปลี่ยนกากมะพร้าวคั้นกะทิที่เหลือทิ้งเป็นไข่ที่มีคุณภาพ และหมุนเวียนมูลไก่เป็นปุ๋ยสำหรับพืชได้อย่างครบวงจร (SDGs12) ดังนั้นผลประกอบการครั้งนี้จึงเป็นโมเดลธุรกิจให้ผู้ปลูกยางพาราเพิ่มรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมความยั่งยืนทางการเกษตร นอกจากนี้ยังเป็นตัวอย่างเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพพร้อมทั้งอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในสวนยางพารา ในท้ายสุดสอดคล้องกับแนวทางเศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) และแผนการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวในภาคการเกษตร

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

2.4.1, 2.5.1, 2.5.3, 2.5.4

Open field day ตรวจวิเคราะห์ดิน บูรณาการร่วมกับชุมชนจัดงาน เพื่อจัดทำแผนที่ข้อมูลดินชุมชนและการใช้ปุ๋ยสั่งตัดในนาข้าวเพื่อลดต้นทุนการผลิต

MU-SDGs Case Study*

Open field day ตรวจวิเคราะห์ดิน บูรณาการร่วมกับชุมชนจัดงาน เพื่อจัดทำแผนที่ข้อมูลดินชุมชนและการใช้ปุ๋ยสั่งตัดในนาข้าวเพื่อลดต้นทุนการผลิต

ผู้ดำเนินการหลัก*

นายธนากร จันหมะกสิต

ส่วนงานหลัก*

ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ผู้ดำเนินการร่วม

ผศ.ดร. ปัณฑารีย์ แต้ประยูร

ส่วนงานร่วม

หลักสูตรเกษตรยั่งยืนเพื่อสุขภาพและการประกอบการ  โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

เนื้อหา*

วัตถุประสงค์ของโครงการ

1. เพื่อฝึกทักษะการตรวจวิเคราะห์ดินโดยชุดทดสอบ N P K ผ่านประสบการณ์จริง (Experiential-based Learning) 

2. เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชน

3. เพื่อสร้างการมีจิตอาสาผ่านกิจกรมสาธารณะ

 

บูรณาการร่วมกับชุมชนจัดงาน Open field day ตรวจวิเคราะห์ดิน

เพื่อจัดทำแผนที่ข้อมูลดินชุมชนและการใช้ปุ๋ยสั่งตัดในนาข้าวเพื่อลดต้นทุนการผลิต

 

วันที่ 12 พ.ค. 2566 เวลา 9.00 – 12.00 น.

ณ องค์การบริหารส่วนตำบลยางขาว อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์

 

ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ 2 หน่วยงานท้องถิ่น ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลยางขาว อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ และกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ตำบลยางขาว จัดให้บริการตรวจดินแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อการจัดทำฐานข้อมูลดินของตำบล และการต่อยอดสู่การใช้ปุ๋ยแบบสั่งตัด ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากโครงการปุ๋ยเพื่อชุมชน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG (U2T for BCG) ตำบลยางขาว ประจำปีงบประมาณ 2565 โดยโครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

 

โดยกิจกรรมครั้งนี้มีนายธนากร จันหะมกสิต (นักวิชาการเกษตร) สังกัดศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้รับผิดชอบโครงการฯ และ ผศ.ดร. ปัณฑารีย์ แต้ประยูร อาจารย์ประจำหลักสูตรเกษตรยั่งยืนเพื่อสุขภาพและการประกอบการ พร้อมด้วยนักศึกษาหลักสูตร SMART Farmer ชั้นปีที่ 4 ที่อาสาสมัครเข้าร่วมการฝึกตรวจดินภาคสนามและให้บริการกับชุมชนในครั้งนี้ด้วย ซึ่งมีเกษตรกรในพื้นที่เข้าร่วมส่งตรวจอย่างดินเพื่อวิเคราะห์จำนวน 50 ราย 

นอกจากนี้ยังได้มีการฝึกทักษะ (Upskill) ให้กับน้องๆเกษตรกรรุ่นใหม่ในชุมชนได้เรียนรู้วิธีการเก็บตัวอย่างดิน, การวิเคราะห์ดิน และการให้คำแนะนำการใช้ปุ๋ยอีกด้วย 

 

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs2

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

2.4,2.5

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs4,12,17

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

 4.7,12.a,17.7
Links ข้อมูลเพิ่มเติม *  

https://www.facebook.com/share/p/17k8tJnd9H/

 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2

Partners/Stakeholders*

1. โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์
2. ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์
3. องค์การบริกหารส่วนตำบลยางขาว อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์
4. หลักสูตรเกษตรยั่งยืนเพื่อสุขภาพและการประกอบการ

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

 

Key Message*

กระบวนการปรับรูปแบบการเรียนการสอนจากในห้องเรียนโดยการใช้ชุมชนเป็นฐาน เพื่อยกระดับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชน อีกทั้งเป็นการฝึกทักษะให้แก่ผู้เรียนแบบ real world situation และช่วยส่งเสริมพันธกิจสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยมหิดลต่อชุมชนและการบรรลุตามเป้าหมาย SDGs ที่จะดำเนินการตามแนวปฏิบัติทางการเกษตรที่มีภูมิคุ้มกันที่จะเพิ่มผลิตภาพและการผลิต ซึ่งจะช่วยรักษาระบบนิเวศ เสริมขีดความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาวะอากาศรุนแรง ภัยแล้ง อุทกภัย และภัยพิบัติอื่น ๆ และจะช่วยพัฒนาคุณภาพของดินและที่ดินอย่างต่อเนื่อง ภายในปี พ.ศ. 2573

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

17.4.3, 2.4.1, 2.5.2

SMART Farmer เส้นทางสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

MU-SDGs Case Study*

SMART Farmer เส้นทางสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

ผู้ดำเนินการหลัก*

ผศ.ดร.ศศิมา วรหาญ

ผศ.ดร.ปัณฑารีย์ แต้ประยูร

อ.ดร.สมสุข พวงดี

อ.ดร.ปิยะเทพ อาวะกุล

อ.ดร.ณัฐฐิญา อัครวิวัฒน์ดำรง

นายอภินันท์ ปลอดแก้ว

นายฌานเทพฤทธิ์ วงศ์วิลาส

ส่วนงานหลัก*

โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ผู้ดำเนินการร่วม

สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล (iNT)

ส่วนงานร่วม

สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล (iNT)

เนื้อหา*

    โครงการ SMART Farmer Fair เป็นกิจกรรมสำคัญที่จัดขึ้นโดยโครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเกษตรกรปราชญ์เปรื่อง (ชื่อใหม่: หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเกษตรยั่งยืนเพื่อสุขภาพและการประกอบการ) เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนทำการเกษตรเพื่อสุขภาพและการประกอบการ ในยุคที่เกษตรกรรมของไทยต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งในด้านการเพิ่มผลผลิต การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โครงการนี้จึงมีเป้าหมายในการเตรียมเกษตรกรรุ่นใหม่ให้พร้อมกับความท้าทายเหล่านี้ หลักสูตร SMART Farmer จึงมุ่งเน้นการสร้างนักศึกษาให้เป็นมากกว่าเกษตรกรทั่วไป แต่ให้เป็นผู้ประกอบการที่มีความรู้เชิงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการจัดการธุรกิจ นักศึกษาที่จบจากหลักสูตรจะมีทักษะที่สามารถนำไปพัฒนาธุรกิจเกษตรของตนเองได้ รวมถึงสามารถเป็นผู้นำในชุมชนในการนำเอานวัตกรรมมาปรับใช้กับภาคการเกษตรในรูปแบบที่ยั่งยืน
    โครงการ SMART Farmer Fair มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดแสดงและจำหน่ายผลงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผลผลิตทางการเกษตรจากไอเดียสร้างสรรค์ของนักศึกษา นำเสนอโครงการต้นแบบการพัฒนาพื้นที่เกษตรเพื่อการสร้างรายได้ เทคโนโลยีด้านการเกษตร ตลอดจนการประชาสัมพันธ์หลักสูตรการศึกษาของโครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการสร้างบัณฑิตของหลักสูตรทางการศึกษาของวิทยาเขตนครสวรรค์ เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์ด้านการประกอบการ เรียนรู้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนไปประกอบอาชีพหลังจบการศึกษา และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยงานด้านการเกษตรในพื้นที่
     งาน SMART Farmer Fair จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2023 ณ ห้างสรรพสินค้าวี-สแควร์ พลาซ่า จังหวัดนครสวรรค์ ในวันที่ 26-27 พฤษภาคม และครั้งที่ 2 ในปี 2024 จัดขึ้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครสวรรค์ ในวันที่ 24-25 พฤษภาคม โดยเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภาคการเกษตรทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงชุมชนท้องถิ่น ภายในงานมีการจัดแสดงสินค้าทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากภาคการเกษตร และการนำเสนอผลงานของนักศึกษา ทั้งนี้ งาน SMART Farmer Fair 2024 ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย อาทิเช่น การแข่งขันจัดสวนถาด การแข่งขันส้มตำลีลา การสาธิตการประยุกต์ใช้ IoT กับการเลี้ยงไก่ในป่าสัก รวมไปถึงบูธจัดแสดงผลงานเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านการเกษตรและอาหารของนักศึกษาและหน่วยงานด้านการเกษตรทั้งภาครัฐและเอกชน

     การดำเนินงานของโครงการ SMART Farmer Fair เป็นตัวอย่างของการนำแนวคิด การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) มาใช้ในภาคการเกษตร โดยสรุปได้ดังนี้ 

SDG 2: ขจัดความหิวโหย (Zero Hunger)

โครงการมุ่งเน้นการทำเกษตรแบบผสมผสานที่สามารถเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรอย่างยั่งยืน ช่วยให้เกษตรกรสามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศได้ และลดความเสี่ยงต่อความไม่มั่นคงทางอาหารในระยะยาว

SDG 3: การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health and Well-being)

การส่งเสริมการเกษตรที่ปลอดภัยและการผลิตอาหารที่มีคุณภาพช่วยสนับสนุนให้ผู้บริโภคมีอาหารที่ปลอดภัย ส่งผลต่อการพัฒนาสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน

SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ (Quality Education)

โครงการ SMART Farmer Fair เป็นการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ให้นักศึกษาและเกษตรกรได้ฝึกปฏิบัติจริงในสาขาเกษตร ส่งเสริมการพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่สามารถนำไปใช้ในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน

SDG 8: การเติบโตทางเศรษฐกิจและการทำงานที่มีคุณค่า (Decent Work and Economic Growth)

โครงการสนับสนุนการเป็นผู้ประกอบการเกษตร และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการตลาด สร้างงานและรายได้ในชุมชนท้องถิ่น

SDG 12: การผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน (Responsible Consumption and Production)

การเกษตรที่เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การแปรรูปผลิตผลเพื่อเพิ่มมูลค่า และการคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ผลิตและผู้บริโภค เป็นการส่งเสริมให้เกิดการผลิตที่ยั่งยืนและลดของเสียในกระบวนการผลิต 
      การเชื่อมโยงกับ SDGs เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความครอบคลุมของโครงการในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภาคการเกษตรและสังคมโดยรวม

 

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs2,3,4

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

2.3, 2.4
3.9
4.4

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs8,12,17

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

8.2, 8.3
12.3, 12.4
Links ข้อมูลเพิ่มเติม * 

มหิดลนครสวรรค์ จัดมหกรรม SMART Farmer Fair 2023
https://na.mahidol.ac.th/th/en/2023/12305

SMART FARMER FAIR 2024 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครสวรรค์
https://int.mahidol.ac.th/2024/05/27/dd-at-smart-farmer-fair-2024/

Facebook Page: smartfarmer.muna
https://www.facebook.com/smartfarmer.muna/about/
ข้อมูลเกี่ยวกับงาน #SMART Farmer Fair

 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2

Partners/Stakeholders*

1. คูโบต้า ฮั้วเฮงหลี ที่นำโดรน และนวัตกรรมเกษตรมาโชว์ในงาน
2. บ.เบทาโกรอุตสหกรรมเกษตร นครสวรรค์
3. ฟาร์มฝันปันสุข ออแกนิคฟาร์ม
4. รร.สตรีนครสวรรค์ และน้องๆวง Soft Sweet
5. รร.เซนโยเซฟ นครสวรรค์
6. ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์
7. สถาบันพยาบาลศาสตร์ มหิดลนครสวรรค์

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

 

Key Message*

“หลักสูตร SMART Farmer มุ่งเน้นการเกษตรแบบผสมผสานและแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างความมั่นคงทางอาหารและความปลอดภัยต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค พร้อมส่งเสริมทักษะการเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่การผลิตจนถึงการขาย และเชื่อมโยงกับเป้าหมาย SDGs เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน”

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

2.3, 2.4
3.9
4.4

เครือข่ายเกษตรและการประกอบการ

MU-SDGs Case Study*

เครือข่ายเกษตรและการประกอบการ

ผู้ดำเนินการหลัก*

นางสาววิมลรัตน์ อัตถบูรณ์

ส่วนงานหลัก*

ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ผู้ดำเนินการร่วม

ดร. ณพล อนุตตรังกูร
นายธนากร จันหมะกสิต
นางชุติภากาญจน์ ประจันทร์
นายยุทธิชัย โฮ้ไทย

ส่วนงานร่วม

ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

เนื้อหา*

ตามที่ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการได้ดำเนินกิจกรรมและโครงการต่างๆ เพื่อพัฒนาความเป็นอยู่และรายได้ของเกษตรกรและผู้ประกอบการ เช่น โครงการเครือข่ายข้าวอินทรีย์ โครงการพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาการผลิตตามมาตรฐานที่เกิดจากการระดมความคิดของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในทิศทางเดียวกัน จากนั้นมีการสร้างและเชื่อมโยงเครือข่ายเพื่อมุ่งเน้นให้เกิดการช่วยเหลือพึ่งพาซึ่งกันและกัน เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนในการประกอบอาชีพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

เมื่อเวลาผ่านไป ได้มีการทบทวน ติดตาม สอบถาม เรื่องราวความเป็นอยู่และสถานการณ์ธุรกิจหรืออาชีพในปัจจุบัน เพื่อเป็นการทำข้อมูลให้เป็นปัจจุบันและรับฟังปัญหาหรือความต้องการที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่การหาแนวทางแก้ไขปัญหาและแนวทางพัฒนา เช่น การพัฒนาการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อการประกอบอาชีพ เพื่อเป็นบันไดขั้นแรกในการใช้เทคโนโลยีในการประกอบอาชีพโดยที่ไม่รู้สึกว่าเป็นเรื่องไกลตัว 

โดยสามารถมเชื่อมโยงวิธีการพัฒนานี้ไปยังกลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการอื่นๆ ที่อยู่นอกเหนือจากเครือข่ายโดยผ่านการทำงานของคณะทำงานขับเคลื่อนด้านการเกษตร ภายใต้คณะกรรมการประสานและขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐประจำจังหวัดนครสวรรค์

ผู้ได้รับผลประโยชน์

ภาคประชาชน สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นประโยชน์และมีช่องทางติดต่อกับสอบถามได้ง่ายขึ้น

ภาครัฐ มีช่องทางรับฟังภาคประชาชนได้ง่ายและเร็วขึ้น 

ม.มหิดล ได้เรียนรู้ร่วมกับกับทุกภาคส่วน เพิ่มทักษะในการทำงาน จนทำให้นักวิจัยและทีมได้พัฒนาศักยภาพดียิ่งขึ้น 

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs2

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

2.3

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

 
Links ข้อมูลเพิ่มเติม * 

https://shorturl.asia/k4FcU

https://shorturl.asia/uYFeL

https://shorturl.asia/GQdrx

https://shorturl.asia/StROu

 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 3

Partners/Stakeholders*

เครือข่ายเกษตรและประกอบการ
คณะทำงานขับเคลื่อนด้านการเกษตร ภายใต้คณะกรรมการประสานและขับเคลื่อนนโยบายสานพลังประชารัฐประจำจังหวัดนครสวรรค์

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

 

Key Message*

การพัฒนาการสื่อสาร, การบริหารจัดการการผลิต,เครือข่ายเกษตรและประกอบการ, การเกษตร, ประกอบการ, ธุรกิจ

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

2.5.1

โครงการการปรับวิถีการเกษตรในพื้นชุ่มน้ำบึงบอระเพ็ดให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

MU-SDGs Case Study*

โครงการการปรับวิถีการเกษตรในพื้นชุ่มน้ำบึงบอระเพ็ดให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

ผู้ดำเนินการหลัก*

ดร.ณพล อนุตตรังกูร

ส่วนงานหลัก*

โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์

ผู้ดำเนินการร่วม

ดร.ปัณฑารีย์ แต้ประยูร

ดร.ปิยะเทพ อาวะกุล

ดร.พรพิรัตน์ คันธธาศิริ

นายธนากร จันหมะกสิต

นางสาววิมลรัตน์ อัตถบูรณ์

ส่วนงานร่วม

โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์

เนื้อหา*

ความสำคัญ

บึงบอระเพ็ดเป็นบึงน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ สภาพภูมิประเทศของบึงบอระเพ็ดเป็นพื้นที่ลุ่มที่มีความหลากหลายทางชีวภาพบริเวณพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง ซึ่งมีทั้งพืชน้ำ สัตว์น้ำ และสัตว์ป่า โดยเฉพาะกลุ่มนกที่มีทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพ ส่วนชุมชนโดยรอบได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ชุ่มน้ำด้วยการทำการประมง และใช้น้ำเพื่อการเกษตร โดยเฉพาะการทำนาที่มีมากที่สุดจำนวน 79,858 ไร่ ซึ่งเป็นรูปแบบนาปรังที่ใช้น้ำมาก ทำให้ปริมาณน้ำบึงบอระเพ็ดลดลงอย่างรวดเร็วจนส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ชุมชนเกิดความขัดแย้งในการแย่งน้ำไปทำนา นอกจากนี้การทำนาปรังส่งผลให้เกิดการผลิตก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศอีกด้วย ส่วนพืชน้ำที่เจริญเติบโตหนีน้ำไม่ทันในช่วงฤดูน้ำหลาก จะทำให้เกิดหญ้าเน่าจากกระบวนการย่อยสลายของจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้ออกซิเจน ซึ่งมีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเช่นกัน ในการนี้แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ชุ่มน้ำมีการผลิตก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเป็นการทำนาปรังและน้ำท่วมวัชพืชในช่วงฤดูน้ำหลาก ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้มีแนวคิดในการลดการผลิตก๊าซเรือนกระจกด้วยการปรับวิธีการทำนาจากนาปรังเป็นนาเปียกสลับแห้งที่ใช้น้ำน้อยและปลดปล่อยก๊าซมีเทนน้อยกว่านาปรังหลายเท่า และส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน นอกจากนี้การส่งเสริมให้นำวัชพืชน้ำจากบึงบอระเพ็ดมาใช้ประโยชน์แปรรูปเป็นปุ๋ยที่สร้างรายได้และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในตำบลพระนอน มีการส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มจัดตั้งกลุ่มผู้ผลิตปุ๋ย ซึ่งรูปแบบที่จะออกมาขึ้นอยู่กับบริบทของพื้นที่ การดำเนินงานทั้งหมดสอดคล้องกับนโยบายของ COP28 และบึงบอระเพ็ด sandbox ที่ตั้งเป้าให้เกิด Net Zero ในปี 2573 ต่อไป

 

วัตถุประสงค์

1) เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ในการปรับแนวคิดของประชาชนสู่การปรับวิถีการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ชุ่มน้ำบึงบอระเพ็ด

2) เพื่อสร้างแหล่งเรียนรู้ในการประกอบอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ชุ่มน้ำบึงบอระเพ็ด

3) เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชน้ำและการเกษตรเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

 

ความคืบหน้าในการดำเนินการ

โครงการอยู่ระหว่างเริ่มดำเนินการ โดยมีการให้ความรู้กับประชาชนในพื้นที่ตำบลวังมหากรและตำบลพระนอน และมีการสอบถามความต้องการในการขับเคลื่อน (Need Assessment) ในการทำนาและการจัดการวัชพืชน้ำบึงบอระเพ็ด มีการดูงานเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และการทดลองการทำนาเปียกสลับแห้งในพื้นที่บึงบอระเพ็ดจำนวน 100 ไร่ อีกด้วย 

ผลผลิตของโครงการ
1) การฝึกอบรมที่ครอบคลุมเนื้อหาเทคโนโลยีสีเขียว การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ SDGs BCG และการปรับตัวในการทำการเกษตรในพื้นที่ชุ่มน้ำ
2) พื้นที่ต้นแบบในการทำนาเปียกสลับแห้ง และจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในการทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในตำบลวังมหากร อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์
3) พื้นที่ต้นแบบในการผลิตปุ๋ยจากพืชน้ำบึงบอระเพ็ด และการจัดตั้งกลุ่มผลิตปุ๋ยในตำบลพระนอน อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์
4) ผลการคำนวณอัตราผลตอบแทนเชิงสังคม (SROI) ของโครงการ
5) คู่มือการขับเคลื่อนเชิงนโยบายสำหรับหน่วยงานในพื้นที่
 
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1) ประชาชนในพื้นที่ชุ่มน้ำมีความรู้ ความเข้าใจ และมีแนวคิดที่เปลี่ยนไปในการประกอบอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ชุ่มน้ำบึงบอระเพ็ด
2) พื้นที่ต้นแบบในการทำนาเปียกสลับแห้งและการผลิตปุ๋ยจากพืชน้ำบึงบอระเพ็ด เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับชุมชนอื่นๆ และขยายผลต่อในอนาคตบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงและพื้นที่ชุ่มน้ำอื่นๆ
3) ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเข้าร่วมกิจกรรม
4) คู่มือการขับเคลื่อนเชิงนโยบายจะเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนในพื้นที่ชุ่มน้ำอื่นๆที่มีบริบทคล้ายกับบึงบอระเพ็ด
5) ธนารักษ์พื้นที่นครสวรรค์สามารถกำหนดแนวทางการทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในสัญญาเช่าของประชาชนบึงบอระเพ็ดในอนาคตต่อไป

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs13

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

13

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs2,6,17

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

2.3, 6.3, 6.4, 6.5, 17.1

Links ข้อมูลเพิ่มเติม *https://op.mahidol.ac.th/ga/wp-content/uploads/twitter/news-2024-5-2-1.pdf
https://www.nstda.or.th/sci2pub/3-strategies-to-revive-sustainable-rice-fields/
 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 3

Partners/Stakeholders*

มูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์
กองวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยมหิดล
จังหวัดนครสวรรค์
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด
หน่วยขุดลอกและกำจัดวัชพืชบึงบอระเพ็ด
ประมงจังหวัดนครสวรรค์
สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดนครสวรรค์
สำนักงานธนารักษ์พื้นที่นครสวรรค์
ส่วนการจัดสรรน้ำที่ 3 นครสวรรค์ (กรมทรัพยากรน้ำ)
องค์การบริหารส่วนตำบลพระนอนและวังมหากร
เครือข่ายองค์กรผู้ใช้น้ำบึงบอระเพ็ด
ประชาชนรอบบึงบอระเพ็ด

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

 

Key Message*

การปรับวิถีการเกษตรให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การทำนาเปียกสลับแห้ง
การปรับตัวต่อสภาพการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

13.2

การปลูกข้าวเชิงพาณิชย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน

MU-SDGs Case Study*

การปลูกข้าวเชิงพาณิชย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน

ผู้ดำเนินการหลัก*

นายธนากร จันหมะกสิต

ส่วนงานหลัก*

โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์

ผู้ดำเนินการร่วม

นางสาวอิศริยาภรณ์ พรมพิทักษ์
อ.ดร. ปัณฑารีย์ แต้ประยูร
นางสาวศิริญา มีประดิษฐ

ส่วนงานร่วม

1. หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต
สาขา SMART Farmer
2. ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์

เนื้อหา*

วัตถุประสงค์ของโครงการ
1. เพื่อพัฒนาต้นแบบการทำนาปีที่ลดการใช้ปุ๋ยเคมีของชุมชนรอบวิทยาเขต
2. เพื่อลดต้นทุนการผลิตจากการใช้ปุ๋ยเคมี
3. เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชน

ด้วยโครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดลมีพันธกิจด้านบริการวิชาการและถ่ายทอดองค์ความรู้แบบบูรณาการ เพื่อสร้างคุณประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม-ฐานทรัพยากร การเกษตรความมั่นคงด้านอาหารที่สามารถแก้ปัญหาและพัฒนาชุมชน สังคม และประเทศอย่างยั่งยืน โดยพันธกิจดังกล่าวสอดคล้องกับการผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืนในเป้าหมายที่ 12 เพื่อการผลิตและการบริโภคอย่างปลอดภัย ประกอบกับพื้นที่โดยรอบวิทยาเขตเป็นพื้นที่ทำการเกษตรเป็นหลัก ได้แก่ ทำนา ปลูกข้าวโพด มันสำปะหลัง และอ้อย อีกทั้งนางสาวอิศริยาภรณ์ พรมพิทักษ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขา SMART Farmer มีความสนใจทำปริญญานิพนธ์เกี่ยวกับการทำนาเพื่อลดต้นทุนการผลิตโดยใช้พื้นที่นาของครอบครัวเป็นพื้นที่ศึกษา (lesson learn) ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชนในการดำเนินการโครงการปลูกข้าวเชิงพาณิชย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขึ้น ซึ่งผลที่ได้จากโครงการจะเป็นแปลงต้นแบบตัวอย่างของการทำนาที่ลดต้นทุนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยการลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีด้วยเทคโนโลยีปุ๋ยสั่งตัด

นอกจากนี้กิจกรรมในโครงการดังกล่าวฯ ยังสอดคล้องกับรายวิชาหมอดิน และรายวิชาวิทยาศาสตร์การผลิตพืช ซึ่งเป็นรายวิชาในชั้นปีที่ 2 ของหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเกษตรกรปราชญ์เปรื่อง จึงปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนภาคบรรยายและภาคปฏิบัติ ในหัวข้อธาตุอาหารในดินและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งแต่เดิมมีการเรียนการสอนบรรยายในห้องเรียน ไปสู่การร่วมเก็บข้อมูลจริงในแปลงทดลองของรุ่นพี่ที่อยู่ในชุมชน ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเรียนรู้จากสถานการณ์จริงด้วย (real world situation) และยังก่อให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องอีกด้วย

โดยโครงการปลูกข้าวเชิงพาณิชย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แบ่งการดำเนินการเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1. ก่อนเริ่มโครงการ: การตรวจดิน การวิเคราะห์ธาตุอาหารหลักในดิน และคำนวณปริมาณธาตุอาหารในดินตามหลักการปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน และปุ๋ยสั่งตัด
2. ระหว่างทำโครงการ: เตรียมแปลงปลูกข้าวโดยแบ่งออกเป็น 2 แปลง คือ แปลงที่ไม่ใช้ปุ๋ยสั่งตัด และแปลงที่ใช้ปุ๋ยสั่งตัด จากนั้นเริ่มทำการปลูกข้าว โดยแปลงที่ไม่ใช้ปุ๋ยสั่งตัดจะใช้วิธีการปลูกและการใส่ปุ๋ยตามที่เกษตรกรทำปกติ สำหรับแปลงที่ใช้ปุ๋ยสั่งตัดจะผสมปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและปุ๋ยสั่งตัด, เก็บข้อมูลการเจริญเติบโตของข้าวที่อายุ 60, 90 และ 120 วัน, เก็บข้อมูลองค์ประกอบผลผลิต และผลิตของข้าว
3. หลังทำโครงการ: วิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบทางสถิติระหว่างแปลงที่ไม่ใช้ปุ๋ยสั่งตัด และแปลงที่ใช้ปุ๋ยสั่งตัด จากนั้นถอดบทเรียนหลังทำกิจกรรมร่วมกับนักศึกษาและครอบเกษตรกรเจ้าของแปลง รวมทั้งรวบรวมข้อมูลปัญหาอุปสรรค เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงการดำเนินการและขยายผลในอนาคต

จากการวิเคราะห์ข้อมูลต้นทุนการผลิตทั้งหมดในการปลูกข้าว พบว่าการใช้ปุ๋ยสั่งตัดสามารถลดต้นทุนการผลิตในส่วนของค่าปุ๋ยได้ 6% จากเดิม 24% เหลือ 18% และน้ำหนักข้าวเปลือกต่อไร่ที่ความชื่น 14% จากการคำนวณน้ำหนักเมล็ดข้าวเปลือกในการปลูกข้าวแบบนาหว่านพื้นที่ 1 ไร่ พบว่านาที่ใช้ปุ๋ยสั่งตัดให้ผลผลิตเฉลี่ยเท่ากับ 1400 กก./ไร่ ในขณะที่นาที่ไม่ใช้ปุ๋ยสั่งตัดมีผลผลิตเฉลี่ยเท่ากับ 860 กก./ไร่ จากข้อมูลข้างต้นสรุปได้ว่าการใช้ปุ๋ยแบบสั่งตัดลดการใช้ปุ๋ยเคมีจากเดิมรวม 26 กก./ไร่ เหลือ 22 กก./ไร่ แต่ให้ผลผลิตสูงขึ้นเนื่องจากการใส่ปุ๋ยที่เหมาะสมกับข้าวและพื้นที่ และเป็นการลดใช้ปุ๋ยเคมีที่มากเกินความจำเป็น ซึ่งสามารถลดการสะสมของปุ๋เคมีในดินและสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs12, SDGs4

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

12.a , 4.7

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs 2

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

2.4

Links ข้อมูลเพิ่มเติม *

https://r01.ldd.go.th/spb/Document%2059/puisangtat.pdf
https://youtu.be/reiJhsyXxd4?si=n199pLYeCNgol6tX
 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2

Partners/Stakeholders*

1. โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์
2. ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์
3. องค์การบริกหารส่วนตำบลเขาทอง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

Key Message*

การปลูกข้าวเชิงพาณิชย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืนเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างหลักประกันให้มีรูปแบบการผลิตและการบริโภคอย่างปลอดภัย (SDGs12) และยังสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวในภาคการเกษตร

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

2.4.1, 2.5.2, 2.5.3