โครงการพัฒนาคุณลักษณะบัณฑิตและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม

MU-SDGs Case Study*

โครงการพัฒนาคุณลักษณะบัณฑิตและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม

ผู้ดำเนินการหลัก*

อ.จุฑารัตน์ สว่างชัย

ส่วนงานหลัก*

สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์

ผู้ดำเนินการร่วม

ผศ.ดร.กาญจนาณัฐ ทองเมืองธัญเทพ
อ.ดร.นิรนาท วิทยโชคกิติคุณ
อ.ดร.พาณี วิรัชกุล
อ.ศรีสุภา ใจโสภา
อ.สายฝน อำพันกาญจน์
อ.เอกลักษณ์ เด็กยอง
อ.นีรนุช โชติวรางกูล
อ.ณัฎฐ์ธัญศา ยิ่งยงเมธี
อ.กาญเขตร์ ทรัพย์สอาด
อ.ยุวรีย์ อินทร์เพ็ญ
อ.ธนัญญา เณรตาก้อง
อ.ทัตติยา ชังชั่ว
อ.นิศานาถ ทองใบ

ส่วนงานร่วม

เนื้อหา*

1. ความสำคัญ
การพัฒนาคุณลักษณะบัณฑิตและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมนักศึกษาระดับปริญญาตรี เป็นกิจกรรมที่พัฒนานักศึกษาผ่านรูปแบบของกิจกรรมเสริมหลักสูตร มีเป้าหมายสำคัญเพื่อการพัฒนาคุณลักษณะบัณฑิตและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ให้เป็นบัณฑิตที่มีปัญญา ความรู้ ความสามารถ มีทักษะชีวิต การเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นผู้มีคุณธรรมและจิตอาสา มีคุณลักษณะความเป็นผู้ประกอบการ รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของสังคมและของโลก เป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง มีความกล้าหาญทางจริยธรรม ยึดมั่นในความถูกต้องและรักษ์ความเป็นไทย เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทย พัฒนานักศึกษาให้เป็นพลเมืองของโลก (Global Citizen and Global Talent) และมีความรู้ในการใช้ชีวิตยุคศตวรรษที่ 21 เพิ่มทักษะการสร้างสัมพันธภาพ รู้จักตนเอง เข้าใจ มีทักษะในการดำเนินชีวิต และการเผชิญสถานการณ์ต่าง ๆ เกิดการเรียนรู้ในการเปลี่ยนแปลงตนเองในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น เกิดความพึงพอใจในการดำเนินชีวิต สามารถปรับตัวอยู่ร่วมกับผู้อื่น ยอมรับและเคารพในความแตกต่างของแต่ละบุคคล

หลักสูตรพยาบาลศาสตรบัณฑิต โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ เห็นถึงความสำคัญดังกล่าว เนื่องจากนักศึกษาจะต้องได้รับการเตรียมความพร้อม การทำกิจกรรม และเรียนรู้ผ่านกิจกรรม รวมถึงพัฒนาทักษะต่าง ๆ จึงจัดโครงการพัฒนานักศึกษา เพื่อพัฒนาคุณลักษณะบัณฑิตที่พึงประสงค์ของมหาวิทยาลัยมหิดล ตามมาตรฐานคุณวุฒิระดับอุดมศึกษา ค่านิยมองค์กร มหาวิทยาลัยมหิดล อัตลักษณ์บัณฑิต พัฒนานักศึกษาให้เป็นพลเมืองของโลก (Global Citizen and Global Talent) และมีความรู้ในการใช้ชีวิตยุคศตวรรษที่ 21 ทำให้เข้าใจตนเอง เคารพความแตกต่างของตนเองและผู้อื่น เกิดการเรียนรู้ในการเปลี่ยนแปลงตนเองในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น พัฒนาตนเองให้เป็นพลเมืองของโลก (Global Citizen and Global Talent) และมีความรู้ในการใช้ชีวิตยุคศตวรรษที่ 21

2. ผลการดำเนินงาน
ผลลัพธ์เชิงปริมาณ
1. กิจกรรมวันพยาบาลแห่งชาติ ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับดี เท่ากับ (
x= 4.24, S.D. = 0.84)
2. กิจกรรมวันลอยกระทง ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับดี เท่ากับ (x= 4.39, S.D. = 0.84)
3. กิจกรรมวันพ่อแห่งชาติ ค่าเฉลี่ยความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับดี เท่ากับ (x= 4.05, S.D. = 0.94)

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs4

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

4.7

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

 

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

 
Links ข้อมูลเพิ่มเติม * 

 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2

Partners/Stakeholders*

1. กลุ่มวิชาการและหลักสูตร โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์
2. โรงพยาบาลในเขตบริการสุขภาพที่ 3 

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

Key Message*

โครงการพัฒนาคุณลักษณะบัณฑิตและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้นักศึกษามีคุณธรรม จิตสาธารณะ และตระหนักในความเป็นไทย พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมสู่การเป็นพลเมืองโลก (Global Citizen and Global Talent) ที่มีศักยภาพในศตวรรษที่ 21 นักศึกษาจะได้รับการพัฒนาอย่างรอบด้านผ่านกิจกรรมเสริมหลักสูตร เพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิต การเรียนรู้ตลอดชีวิต การอยู่ร่วมกับผู้อื่น และการเคารพความแตกต่าง

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

4.3.4

โครงการพัฒนาทักษะการฟังบรรยายวิชาการภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษา

MU-SDGs Case Study*

โครงการพัฒนาทักษะการฟังบรรยายวิชาการภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษา

ผู้ดำเนินการหลัก*

อ.กาญเขตร์ ทรัพย์สอาด

ส่วนงานหลัก*

สำนักวิชาพยาบาลศาสตร์ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์

ผู้ดำเนินการร่วม

ผศ.ดร.กาญจนาณัฐ ทองเมืองธัญเทพ
อ.ดร.นิรนาท วิทยโชคกิติคุณ
อ.ดร.พาณี วิรัชกุล
อ.ศรีสุภา ใจโสภา
อ.สายฝน อำพันกาญจน์
อ.เอกลักษณ์ เด็กยอง
อ.นีรนุช โชติวรางกูล
อ.ณัฎฐ์ธัญศา ยิ่งยงเมธี
อ.จุฑารัตน์ สว่างชัย
อ.ยุวรีย์ อินทร์เพ็ญ
อ.ธนัญญา เณรตาก้อง
อ.ทัตติยา ชังชั่ว
อ.นิศานาถ ทองใบ

ส่วนงานร่วม

เนื้อหา*

1. ความสำคัญ
การศึกษาในยุคปัจจุบันมีความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเป็นอย่างมาก ภาษาอังกฤษเข้ามามีบทบาทและเป็นส่วนสำคัญในการเรียนรู้ เนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาสากลที่คนทั่วโลกใช้ในการสื่อสาร บุคคลที่มีความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษจึงสามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และแสวงหาความรู้ได้มากกว่า ทักษะการใช้ภาษาไม่ว่าจะเป็น ทักษะการฟัง ทักษะการพูด ทักษะการอ่าน และทักษะการเขียน ล้วนสำคัญด้วยกันทั้งสิ้น การความสามารถในการฟังเข้าใจในภาษาอังกฤษที่เป็นภาษาสากล ย่อมช่วยในการติดต่อสื่อสารให้เกิดความเข้าใจตรงกัน
วิชาชีพพยาบาลเป็นหนึ่งในสาขาวิชาชีพที่ได้ทำข้อตกลง “ข้อตกลงยอมรับร่วมสาขาวิชาชีพพยาบาลของอาเซียน” จากการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) ซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายบริการเสรีทางวิชาชีพ ดังนั้นทักษะการใช้ภาษาสากลในการสื่อสารระหว่างประเทศ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องสร้างเสริมและพัฒนาให้แก่นักศึกษา ผู้รับผิดชอบโครงการเห็นประโยชน์และความสำคัญในการพัฒนาสมรรถนะทางภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะในเรื่องของทักษะการฟัง และทักษะการพูด เนื่องจากเป็นทักษะที่นักศึกษาไทยยังมีโอกาสในการฝึกฝนน้อย จึงจัดทำโครงการพัฒนาทักษะการฟังบรรยายวิชาการภาษาอังกฤษสำหรับนักศึกษา เพื่อให้นักศึกษามีทัศนคติที่ดีต่อการพัฒนาภาษาอังกฤษ และได้รับประสบการณ์การฟังบรรยายวิชาการภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้นในขณะศึกษาในหลักสูตรฯ
2. ผลการดำเนินงาน
ผลลัพธ์เชิงปริมาณ
ผู้เข้าร่วมกิจกรรมมีระดับความพึงพอใจต่อการจัดกิจกรรมในภาพรวม อยู่ในระดับดีมาก (
x= 4.54, S.D. = 1.93)

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs4

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

4.7

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

 

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

 
Links ข้อมูลเพิ่มเติม * 

https://www.facebook.com/share/p/1BfGy5NQVH/

 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2

Partners/Stakeholders*

1. กลุ่มวิชาการและหลักสูตร โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์
2. ศูนย์ฟิสิกส์ทฤษฎีและปรัชญาธรรมชาตินครสวรรค์

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

Key Message*

“ในโลกยุคดิจิทัลที่การสื่อสารไร้พรมแดน ภาษาอังกฤษกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการเปิดประตูสู่ความรู้ระดับสากล โดยเฉพาะสำหรับนักศึกษาพยาบาล ที่กำลังเตรียมพร้อมสู่การเป็นกำลังสำคัญในประชาคมอาเซียน การพัฒนาทักษะการฟังและพูดภาษาอังกฤษ จึงเป็นการเพิ่มพูนสมรรถนะวิชาชีพ พร้อมสร้างทัศนคติที่ดีและความมั่นใจในการสื่อสารกับประชาคมโลกอย่างมีประสิทธิภาพ”

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

4.3.5

โครงการ NAS BASIC CAMP and SIP+9th School

MU-SDGs Case Study*

โครงการ NAS BASIC CAMP and SIP+9th School

ผู้ดำเนินการหลัก*

ศาสตราจารย์ ดร.บุรินทร์ กำจัดภัย

ส่วนงานหลัก*

ผู้อำนวยการศูนย์ฟิสิกส์ทฤษฎีและปรัชญาธรรมชาตินครสวรรค์

ผู้ดำเนินการร่วม

ส่วนงานร่วม

เนื้อหา*

วัตถุประสงค์ 

1. เพื่อให้ศูนย์ได้รับการยอมรับในฐานะ national center of learning ในสาชาวิชาฟิสิกส์ทฤษฎีจากประชาคมฟิสิกส์ไทย
2. เพื่อดึงดูดนักศึกษาที่มีศักยภาพสูงเข้าเรียนระดับปริญญาเอกที่ศูนย์ฯ   
3. เพื่อสร้างศักยภาพทางความรู้ด้านฟิสิกส์รากฐานให้กับนักฟิสิกส์รุ่นใหม่ของประเทศ
วันอังคารที่ 25 มีนาคม 2568 ถึงวันเสาร์ที่ 29 มีนาคม 2568 ณ สิกขาลัยเพื่อการค้นคว้าขั้นก้าวหน้า อาคารปฏิบัติการวิทยาศาสตร์อเนกประสงค์ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

     การเรียนการสอนในระดับปริญญาตรีในสาขาวิชาฟิสิกส์ ในสถาบันอุดมศึกษาของประเทศไทยนั้น อาจมีผลลัพธ์ที่เกิดเป็นองค์ความรู้และทักษะแก่บัณฑิตที่หลากหลาย ทั้งนี้ตัวชี้วัดคือการสร้างงาน การได้งานทำที่ตรงกับสาขาวิชาที่ได้สำเร็จการศึกษามาค่อนข้างจำกัด ด้วยปัจจัยที่หลากหลายทำให้ผลสัมฤทธิ์ในการจัดการเรียนการสอนขาดประสิทธิภาพไปพอสมควร ทั้งนี้ผลเสียที่เกิดขึ้นนี้ได้ส่งผลกระทบต่อบัณฑิตฟิสิกส์ทั้งในอดีตและปัจจุบันมาอย่างยาวนาน  ศูนย์ฟิสิกส์ทฤษฎีฯได้เล็งเห็นปัญหาที่เกิดขึ้น และด้วยการที่ศูนย์ฟิสิกส์ทฤษฎีฯแห่งนี้มีบุคลากรทางด้านฟิสิกส์ทฤษฎีที่ทำงานวิจัยทางด้านฟิสิกส์ทฤษฎีมาอย่างยาวนานมีความประสงค์ที่จะช่วยแก้ปัญหาและยกระดับการศึกษาของสาขาวิชาฟิสิกส์ให้มากขึ้นจึงได้จัดโครงการอบรมรายวิชาสำหรับนิสิตนักศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นมา เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาได้เข้ามาเรียนรู้จากนักฟิสิกส์ทฤษฎีโดยตรง
     ศูนย์ฟิสิกส์ทฤษฎีฯ จึงจัดโครงการ NAS BASIC CAMP and SIP+9th School เพื่อการสร้างการรู้จักของสถาบันต่อนิสิตนักศึกษาภายนอก เพื่อเปิดโอกาสในการรับรู้และการรับนักศึกษาที่มีศักยภาพเข้าศึกษาต่อ ณ ศูนย์ฟิสิกส์ทฤษฎีฯ ในอนาคต

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs4

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

 

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

 

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

 
Links ข้อมูลเพิ่มเติม * 
https://na.mahidol.ac.th/nas2020/sip9th/

https://na.mahidol.ac.th/nas2020/nasbasiccamp2/
 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2

Partners/Stakeholders*

1. โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์
2. ศูนย์ฟิสิกส์ทฤษฎีและปรัชญาธรรมชาตินครสวรรค์

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

Key Message*

การยกระดับการศึกษาฟิสิกส์ระดับปริญญาตรี ด้วยการเปิดพื้นที่การเรียนรู้จากนักฟิสิกส์ทฤษฎี เสริมสร้างองค์ความรู้ ทักษะ และแรงบันดาลใจให้แก่นิสิต พร้อมทั้งสร้างโอกาสในการเติบโตทางวิชาชีพและการศึกษาต่อ

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

16.3.4

พัฒนาศักยภาพการสื่อสารในการดูแลแบบประคับประคอง ของทีมสุขภาพในเครือข่าย ปฐมภูมิโรงพยาบาลมโนรมย์ อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท

MU-SDGs Case Study*

พัฒนาศักยภาพการสื่อสารในการดูแลแบบประคับประคอง ของทีมสุขภาพในเครือข่าย    ปฐมภูมิโรงพยาบาลมโนรมย์ อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท

ผู้ดำเนินการหลัก*

นางศศิธร มารัตน์

ส่วนงานหลัก*

โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ผู้ดำเนินการร่วม

น.ส. ลัดดาวัลย์ โพธิวิจิตร
น.ส.อรนิช แก้วสุข

ส่วนงานร่วม

ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์ จังหวัดนครสวรรค์

เนื้อหา*

           โรงพยาบาลมโนรมย์ เป็นโรงพยาบาลขนาด 30 เตียง มีเครื่อข่ายปฐมภูมิ จำนวน 8 พื้นที่ ได้แก่ รพ.สต.คุ้งสำเภา รพ.สต.วัดโคก รพ.สต.ศิลาดาน รพ.สต.ท่าฉนวน รพ.สต. หางน้ำหนองแขม รพ.สต.ไร่พัฒนา รพ.สต.อู่ตะเภา และหน่วยปฐมภูมิ รพ.นโนรมย์ (หางน้ำสาคร) แต่ละพื้นที่มีจัดบริการกองทุน Long Term Care ซึ่งเป็นการดูแล ส่งต่อ ตั้งแต่โรงพยาบาลสู่บ้านมีการส่งข้อมูลสุขภาพ โดยเฉพาะการดูแลแบบประคับประคองร่วมกันทั้งในโรงพยาบาลและที่บ้านแต่ด้วยจำนวนพยาบาลที่จำนวนจำกัดในการดูแลที่ซึ่งต้องทำ family meeting และAdvance care plan ที่บ้านจึงทำให้เกิดการดูแลไม่ทั่วถึง เพื่อมุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจเรื่องการตายดีและการดูแลแบบประคับประคองให้เป็นระบบ การสื่อสารจึงเป็นเรื่องสำคัญในกระบวนการการดูแล จึงจัดทำโครงการพัฒนาศักยภาพการสื่อสารในการดูแลแบบประคับประคองของทีมสุขภาพ ในเขตพื้นที่เครือข่ายปฐมภูมิโรงพยาบาลมโนรมย์ อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาทโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และทักษะกระบวนกรการสื่อสารในการดูแลแบบประคับประคองและเสริมสร้างวัฒนธรรมความตายพูดได้ เป็นการอบรมเชิงปฏิบัติการเพื่อเสริมสร้างองค์ความรู้และทักษะกระบวนกรให้แก่บุคลากรทีมสุขภาพในเครือข่ายปฐมภูมิโรงพยาบาลมโนรมย์ ประกอบด้วยการอบรมทักษะกระบวนกรเบื้องต้น ได้แก่ ทักษะการรับฟังอย่างตั้งใจ การสร้างพื้นที่ปลอดภัย และการใช้ชุดเครื่องมือของ Peaceful Death ได้แก่ เกมส์ไพ่ไขชีวิต ไพ่ฤดูฝน การ์ดแชร์กัน แคร์คลับและสมุดเบาใจ ประเมินผลโดยใช้เครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากแบบประเมินทักษะการสื่อสารของบุคลากรด้านสุขภาพ (Health Communication Assessment Tool : HCAT) ก่อนและหลังการอบรม 

            ผลการประเมินทักษะการสื่อสารของบุคลากรด้านสุขภาพ พบว่า จากผู้เข้าร่วมอบรม จำนวน 37 คน เป็นชาย 3 คน  หญิง 34 คน อายุเฉลี่ย 55 ปี มีคะแนนทักษะการสื่อสารด้านสุขภาพของบุคลากรทางการแพทย์หลังอบรมมีค่าเฉลี่ย 98.38 (SD= 13.68) สูงกว่าก่อนอบรมมีค่าเฉลี่ย 83.83 (SD= 8.28) อย่างมีนัยสําคัญทางสถิติ(p<.001)  การเสริมสร้างวัฒนธรรมความตายพูดได้ ผู้เข้าร่วมเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในตนเอง เห็นได้จากผู้เข้าร่วมอบรมสะท้อนว่า“ได้ไปจัดเก็บข้าวของ..(สมบัติ)ให้เป็นหมวดหมู่…เป็นระเบียบ…และหาง่าย” “ได้บอกกับแม่ว่า..ถ้าตายให้สวดหนึ่งคืน…เผาเลย” และสามารถพูดคุยสื่อสารเรื่องความตายกับคนในครอบครัวและสื่อสารพูดคุยกับป่วยและญาติได้ 

 

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs3

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

3.c

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs4

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

 4.4
Links ข้อมูลเพิ่มเติม * 

https://discord.com/channels/1204631979358822400/1220262637083037747

 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 4

Partners/Stakeholders*

เครื่อข่ายปฐมภูมิโรงพยาบาลมโนรมย์ จำนวน 8 พื้นที่ ได้แก่ รพ.สต.คุ้งสำเภา รพ.สต.วัดโคก รพ.สต.ศิลาดาน รพ.สต.ท่าฉนวน รพ.สต. หางน้ำหนองแขม รพ.สต.ไร่พัฒนา รพ.สต.อู่ตะเภา และหน่วยปฐมภูมิ รพ.นโนรมย์ (หางน้ำสาคร)

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

 

Key Message*

“ทักษะการสื่อสารของทีมสุขภาพเป็นหัวใจการดูแลแบบประคับประคองและเสริมสร้างวัฒนธรรมความตายพูดได้ การอบรมนี้จึงป็นการเตรียมบุคลากรด้านสุขภาพในการดูแลผู้ป่วยตามแนวนโยบายชีวาภิบาล”

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

3.c, 4.4

Open field day ตรวจวิเคราะห์ดิน บูรณาการร่วมกับชุมชนจัดงาน เพื่อจัดทำแผนที่ข้อมูลดินชุมชนและการใช้ปุ๋ยสั่งตัดในนาข้าวเพื่อลดต้นทุนการผลิต

MU-SDGs Case Study*

Open field day ตรวจวิเคราะห์ดิน บูรณาการร่วมกับชุมชนจัดงาน เพื่อจัดทำแผนที่ข้อมูลดินชุมชนและการใช้ปุ๋ยสั่งตัดในนาข้าวเพื่อลดต้นทุนการผลิต

ผู้ดำเนินการหลัก*

นายธนากร จันหมะกสิต

ส่วนงานหลัก*

ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ผู้ดำเนินการร่วม

ผศ.ดร. ปัณฑารีย์ แต้ประยูร

ส่วนงานร่วม

หลักสูตรเกษตรยั่งยืนเพื่อสุขภาพและการประกอบการ  โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

เนื้อหา*

วัตถุประสงค์ของโครงการ

1. เพื่อฝึกทักษะการตรวจวิเคราะห์ดินโดยชุดทดสอบ N P K ผ่านประสบการณ์จริง (Experiential-based Learning) 

2. เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชน

3. เพื่อสร้างการมีจิตอาสาผ่านกิจกรมสาธารณะ

 

บูรณาการร่วมกับชุมชนจัดงาน Open field day ตรวจวิเคราะห์ดิน

เพื่อจัดทำแผนที่ข้อมูลดินชุมชนและการใช้ปุ๋ยสั่งตัดในนาข้าวเพื่อลดต้นทุนการผลิต

 

วันที่ 12 พ.ค. 2566 เวลา 9.00 – 12.00 น.

ณ องค์การบริหารส่วนตำบลยางขาว อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์

 

ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ 2 หน่วยงานท้องถิ่น ได้แก่ องค์การบริหารส่วนตำบลยางขาว อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ และกลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ตำบลยางขาว จัดให้บริการตรวจดินแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว เพื่อการจัดทำฐานข้อมูลดินของตำบล และการต่อยอดสู่การใช้ปุ๋ยแบบสั่งตัด ซึ่งเป็นกิจกรรมต่อเนื่องจากโครงการปุ๋ยเพื่อชุมชน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG (U2T for BCG) ตำบลยางขาว ประจำปีงบประมาณ 2565 โดยโครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

 

โดยกิจกรรมครั้งนี้มีนายธนากร จันหะมกสิต (นักวิชาการเกษตร) สังกัดศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้รับผิดชอบโครงการฯ และ ผศ.ดร. ปัณฑารีย์ แต้ประยูร อาจารย์ประจำหลักสูตรเกษตรยั่งยืนเพื่อสุขภาพและการประกอบการ พร้อมด้วยนักศึกษาหลักสูตร SMART Farmer ชั้นปีที่ 4 ที่อาสาสมัครเข้าร่วมการฝึกตรวจดินภาคสนามและให้บริการกับชุมชนในครั้งนี้ด้วย ซึ่งมีเกษตรกรในพื้นที่เข้าร่วมส่งตรวจอย่างดินเพื่อวิเคราะห์จำนวน 50 ราย 

นอกจากนี้ยังได้มีการฝึกทักษะ (Upskill) ให้กับน้องๆเกษตรกรรุ่นใหม่ในชุมชนได้เรียนรู้วิธีการเก็บตัวอย่างดิน, การวิเคราะห์ดิน และการให้คำแนะนำการใช้ปุ๋ยอีกด้วย 

 

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs2

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

2.4,2.5

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs4,12,17

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

 4.7,12.a,17.7
Links ข้อมูลเพิ่มเติม *  

https://www.facebook.com/share/p/17k8tJnd9H/

 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2

Partners/Stakeholders*

1. โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์
2. ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์
3. องค์การบริกหารส่วนตำบลยางขาว อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์
4. หลักสูตรเกษตรยั่งยืนเพื่อสุขภาพและการประกอบการ

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

 

Key Message*

กระบวนการปรับรูปแบบการเรียนการสอนจากในห้องเรียนโดยการใช้ชุมชนเป็นฐาน เพื่อยกระดับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชน อีกทั้งเป็นการฝึกทักษะให้แก่ผู้เรียนแบบ real world situation และช่วยส่งเสริมพันธกิจสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยมหิดลต่อชุมชนและการบรรลุตามเป้าหมาย SDGs ที่จะดำเนินการตามแนวปฏิบัติทางการเกษตรที่มีภูมิคุ้มกันที่จะเพิ่มผลิตภาพและการผลิต ซึ่งจะช่วยรักษาระบบนิเวศ เสริมขีดความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภาวะอากาศรุนแรง ภัยแล้ง อุทกภัย และภัยพิบัติอื่น ๆ และจะช่วยพัฒนาคุณภาพของดินและที่ดินอย่างต่อเนื่อง ภายในปี พ.ศ. 2573

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

17.4.3, 2.4.1, 2.5.2

SMART Farmer เส้นทางสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

MU-SDGs Case Study*

SMART Farmer เส้นทางสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

ผู้ดำเนินการหลัก*

ผศ.ดร.ศศิมา วรหาญ

ผศ.ดร.ปัณฑารีย์ แต้ประยูร

อ.ดร.สมสุข พวงดี

อ.ดร.ปิยะเทพ อาวะกุล

อ.ดร.ณัฐฐิญา อัครวิวัฒน์ดำรง

นายอภินันท์ ปลอดแก้ว

นายฌานเทพฤทธิ์ วงศ์วิลาส

ส่วนงานหลัก*

โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ผู้ดำเนินการร่วม

สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล (iNT)

ส่วนงานร่วม

สถาบันบริหารจัดการเทคโนโลยีและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล (iNT)

เนื้อหา*

    โครงการ SMART Farmer Fair เป็นกิจกรรมสำคัญที่จัดขึ้นโดยโครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล โดยหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเกษตรกรปราชญ์เปรื่อง (ชื่อใหม่: หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเกษตรยั่งยืนเพื่อสุขภาพและการประกอบการ) เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนทำการเกษตรเพื่อสุขภาพและการประกอบการ ในยุคที่เกษตรกรรมของไทยต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งในด้านการเพิ่มผลผลิต การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โครงการนี้จึงมีเป้าหมายในการเตรียมเกษตรกรรุ่นใหม่ให้พร้อมกับความท้าทายเหล่านี้ หลักสูตร SMART Farmer จึงมุ่งเน้นการสร้างนักศึกษาให้เป็นมากกว่าเกษตรกรทั่วไป แต่ให้เป็นผู้ประกอบการที่มีความรู้เชิงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการจัดการธุรกิจ นักศึกษาที่จบจากหลักสูตรจะมีทักษะที่สามารถนำไปพัฒนาธุรกิจเกษตรของตนเองได้ รวมถึงสามารถเป็นผู้นำในชุมชนในการนำเอานวัตกรรมมาปรับใช้กับภาคการเกษตรในรูปแบบที่ยั่งยืน
    โครงการ SMART Farmer Fair มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดแสดงและจำหน่ายผลงานการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากผลผลิตทางการเกษตรจากไอเดียสร้างสรรค์ของนักศึกษา นำเสนอโครงการต้นแบบการพัฒนาพื้นที่เกษตรเพื่อการสร้างรายได้ เทคโนโลยีด้านการเกษตร ตลอดจนการประชาสัมพันธ์หลักสูตรการศึกษาของโครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล สะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในการสร้างบัณฑิตของหลักสูตรทางการศึกษาของวิทยาเขตนครสวรรค์ เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ฝึกประสบการณ์ด้านการประกอบการ เรียนรู้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนไปประกอบอาชีพหลังจบการศึกษา และแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยงานด้านการเกษตรในพื้นที่
     งาน SMART Farmer Fair จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2023 ณ ห้างสรรพสินค้าวี-สแควร์ พลาซ่า จังหวัดนครสวรรค์ ในวันที่ 26-27 พฤษภาคม และครั้งที่ 2 ในปี 2024 จัดขึ้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครสวรรค์ ในวันที่ 24-25 พฤษภาคม โดยเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยและหน่วยงานภาคการเกษตรทั้งจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงชุมชนท้องถิ่น ภายในงานมีการจัดแสดงสินค้าทางการเกษตร ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากภาคการเกษตร และการนำเสนอผลงานของนักศึกษา ทั้งนี้ งาน SMART Farmer Fair 2024 ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย อาทิเช่น การแข่งขันจัดสวนถาด การแข่งขันส้มตำลีลา การสาธิตการประยุกต์ใช้ IoT กับการเลี้ยงไก่ในป่าสัก รวมไปถึงบูธจัดแสดงผลงานเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางด้านการเกษตรและอาหารของนักศึกษาและหน่วยงานด้านการเกษตรทั้งภาครัฐและเอกชน

     การดำเนินงานของโครงการ SMART Farmer Fair เป็นตัวอย่างของการนำแนวคิด การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) มาใช้ในภาคการเกษตร โดยสรุปได้ดังนี้ 

SDG 2: ขจัดความหิวโหย (Zero Hunger)

โครงการมุ่งเน้นการทำเกษตรแบบผสมผสานที่สามารถเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรอย่างยั่งยืน ช่วยให้เกษตรกรสามารถสร้างความมั่นคงทางอาหารในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศได้ และลดความเสี่ยงต่อความไม่มั่นคงทางอาหารในระยะยาว

SDG 3: การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี (Good Health and Well-being)

การส่งเสริมการเกษตรที่ปลอดภัยและการผลิตอาหารที่มีคุณภาพช่วยสนับสนุนให้ผู้บริโภคมีอาหารที่ปลอดภัย ส่งผลต่อการพัฒนาสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน

SDG 4: การศึกษาที่มีคุณภาพ (Quality Education)

โครงการ SMART Farmer Fair เป็นการเรียนรู้แบบบูรณาการที่ให้นักศึกษาและเกษตรกรได้ฝึกปฏิบัติจริงในสาขาเกษตร ส่งเสริมการพัฒนาทักษะใหม่ๆ ที่สามารถนำไปใช้ในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพได้อย่างยั่งยืน

SDG 8: การเติบโตทางเศรษฐกิจและการทำงานที่มีคุณค่า (Decent Work and Economic Growth)

โครงการสนับสนุนการเป็นผู้ประกอบการเกษตร และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางการตลาด สร้างงานและรายได้ในชุมชนท้องถิ่น

SDG 12: การผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน (Responsible Consumption and Production)

การเกษตรที่เน้นการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ การแปรรูปผลิตผลเพื่อเพิ่มมูลค่า และการคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้ผลิตและผู้บริโภค เป็นการส่งเสริมให้เกิดการผลิตที่ยั่งยืนและลดของเสียในกระบวนการผลิต 
      การเชื่อมโยงกับ SDGs เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความครอบคลุมของโครงการในด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภาคการเกษตรและสังคมโดยรวม

 

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs2,3,4

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

2.3, 2.4
3.9
4.4

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs8,12,17

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

8.2, 8.3
12.3, 12.4
Links ข้อมูลเพิ่มเติม * 

มหิดลนครสวรรค์ จัดมหกรรม SMART Farmer Fair 2023
https://na.mahidol.ac.th/th/en/2023/12305

SMART FARMER FAIR 2024 ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครสวรรค์
https://int.mahidol.ac.th/2024/05/27/dd-at-smart-farmer-fair-2024/

Facebook Page: smartfarmer.muna
https://www.facebook.com/smartfarmer.muna/about/
ข้อมูลเกี่ยวกับงาน #SMART Farmer Fair

 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2

Partners/Stakeholders*

1. คูโบต้า ฮั้วเฮงหลี ที่นำโดรน และนวัตกรรมเกษตรมาโชว์ในงาน
2. บ.เบทาโกรอุตสหกรรมเกษตร นครสวรรค์
3. ฟาร์มฝันปันสุข ออแกนิคฟาร์ม
4. รร.สตรีนครสวรรค์ และน้องๆวง Soft Sweet
5. รร.เซนโยเซฟ นครสวรรค์
6. ศูนย์การแพทย์มหิดลบำรุงรักษ์
7. สถาบันพยาบาลศาสตร์ มหิดลนครสวรรค์

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

 

Key Message*

“หลักสูตร SMART Farmer มุ่งเน้นการเกษตรแบบผสมผสานและแปรรูปผลิตภัณฑ์เกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างความมั่นคงทางอาหารและความปลอดภัยต่อผู้ผลิตและผู้บริโภค พร้อมส่งเสริมทักษะการเป็นผู้ประกอบการตั้งแต่การผลิตจนถึงการขาย และเชื่อมโยงกับเป้าหมาย SDGs เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน”

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

2.3, 2.4
3.9
4.4

การพัฒนาการเรียนการสอนภาคปฏิบัติการจากห้องเรียนสู่ชุมชน

MU-SDGs Case Study*

การพัฒนาการเรียนการสอนภาคปฏิบัติการจากห้องเรียนสู่ชุมชน

ผู้ดำเนินการหลัก*

อ.ดร. ปัณฑารีย์ แต้ประยูร

ส่วนงานหลัก*

โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์

ผู้ดำเนินการร่วม

นายธนากร จันหมะกสิต
นางสาววิมลรัตน์ อัตถบูรณ์
นางสาวศิริญา มีประดิษฐ์

ส่วนงานร่วม

โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์

เนื้อหา*

วัตถุประสงค์ของโครงการ
1. เพื่อฝึกทักษะการตรวจวิเคราะห์ดินโดยชุดทดสอบ N P K ผ่านประสบการณ์จริง (Experiential-based Learning)
2. เพื่อฝึกการทำงานเป็นทีมผ่านกระบวนการวางแผนจัดงานตรวจดินและการแบ่งหน้าที่
3. เพื่อฝึกทักษะการสื่อสารผ่านกระบวนการแปลผลวิเคราะห์ดินให้แก่เกษตร
4. เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชน

ด้วยมหาวิทยาลัยมหิดลมีเป้าหมายในการผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเป้าหมายที่ 4 ในการสร้างหลักประกันว่าทุกคนมีการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างครอบคลุมและเท่าเทียม และสนับสนุนโอกาสในการเรียนรู้ตลอดชีวิต และเพื่อเป็นการสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าวรายวิชาหมอดิน ซึ่งเป็นรายวิชาในชั้นปีที่ 2 ของหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเกษตรกรปราชญ์เปรื่อง จึงปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนภาคปฏิบัติ ในหัวข้อการตรวจวิเคราะห์ธาตุอาหารในดิน ซึ่งแต่เดิมมีการเรียนการสอนในห้องปฏิบัติการ โดยให้นักศึกษาเก็บตัวอย่างดินภายในวิทยาเขตนครสวรรค์ มาเพื่อทำการทดสอบทางเคมีในห้องปฏิบัติการ แต่ในช่วงที่ผ่านมาต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การเรียนรู้ภายในห้องเรียนต้องมีการปรับเปลี่ยนไป โดยรายวิชาได้จัดทำการเรียนออนไลน์ โดยใช้ระบบ Mux ซึ่งพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยมหิดล ในการเป็นแหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียน ที่ตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนให้สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลการเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลาและเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งเป็นการสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต อย่างไรก็ตามพบว่าการเรียนรู้ทั้งในห้องเรียนและการเรียนรู้ผ่านระบบออนไลน์ถึงแม้จะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการพัฒนาทักษะการเรียนรู้ของผู้เรียนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการคิดและทักษะในการลงมือปฏิบัติ แต่ยังไม่สามารถพัฒนาทักษะการเรียนรู้ในด้านอื่นๆของผู้เรียนได้ ดังนั้นจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนใหม่เพื่อส่งเสริมทักษะการเรียนรู้อื่นๆเช่น ทักษะทางการสื่อสาร ทักษะการทำงานเป็นทีม การคิดและการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ จึงได้นำข้อเสนอแนะของผู้เรียนมาใช้ในการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอน เพื่อมุ่งเน้นให้ผู้เรียนเข้าใจกระบวนการในการศึกษาวิเคราะห์ในการตรวจดิน รวมไปถึงทักษะในการปฏิบัติการภาคสนาม ที่จะเกิดจากการเก็บรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ผลที่ได้จากชุมชน ประกอบกับศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล มีการรวบรวมความต้องการของชุมชนที่จะวิเคราะห์และตรวจสอบดิน ดังนั้น จึงเป็นที่มาของโครงการพัฒนาการเรียนการสอนจากภาคปฏิบัติการในห้องเรียนสู่ชุมชน โดยในหัวข้อการตรวจวิเคราะห์ธาตุอาหารในดิน
นักศึกษาจากที่เคยทดลองให้ห้องปฏิบัติการ ซึ่งมีต้นทุนค่าใช้จ่ายสารเคมีสำหรับชุดทดสอบตัวอย่างละ 100 บาท โดยในแต่ละภาคการศึกษาจะต้องใช้ชุดทดสอบอย่างน้อย 50 ตัวอย่าง ซึ่งเป็นสารที่ใช้แล้วหมดไป เพื่อให้เกิดการใช้สารเคมีอย่างคุ้มค่ามากที่สุดนอกเหนือจากการใช้เรียน จึงเปลี่ยนจากการใช้ดินตัวอย่างที่จัดเตรียมในห้องปฏิบัติการเป็นการไปเก็บตัวอย่างดินในภาคสนามซึ่งเป็นแปลงของเกษตรกรจริง ซึ่งอยู่ในชุมชนโดยรอบวิทยาเขตนครสวรรค์เพื่อมาทำการทดสอบ ซึ่งเกษตรกรเหล่านี้มีความต้องการในการทราบธาตุอาหารในดินของตนเองก่อนเริ่มทำการเพราะปลูกพืช โดยในเทอมต้น/2566 ได้ไปฝึกปฏิบัติการในพื้นที่ร่วมกับผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้าน หมู่ที่ 7 ตำบลเขาทอง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีเกษตรกรในชุมชน

โดยมีรายละเอียดกระบวนการเรียนรู้ 3 ส่วนหลัก ดังนี้
1. ก่อนเริ่มโครงการ: การชี้แจงโครงการ Open Field Day รับตรวจวิเคราะห์ดิน ในวันที่มีการประชุมหมูบ้าน เพื่ออธิบายถึงประโยชน์ของการตรวจดิน การวิเคราะห์ดิน และสาธิตวิธีการเก็บตัวอย่างดินที่ถูกต้อง
2. ระหว่างทำโครงการ: จัดสถานที่รับตรวจดิน เป็นศาลายาประชาคม หมู่ที่ 5, จัดเตรียมตัวอย่างดิน, ตรวจดิน, แปลผล สรุปและนำเสนอผลแก่เกษตรกร
3. หลังทำโครงการ: ถอดบทเรียนหลังทำกิจกรรม ปัญหาอุปสรรค ความประทับใจ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงการดำเนินการในอนาคต

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs4

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

4.7

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs2, SDGs12

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

2.4,12.a

Links ข้อมูลเพิ่มเติม *

https://www.facebook.com/share/p/BgqHkRvfwKUSLDQK/?mibextid=Nif5oz
 
 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2

Partners/Stakeholders*

1. โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์
2. ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์
3. องค์การบริกหารส่วนตำบลเขาทอง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

Key Message*

กระบวนการปรับรูปแบบการเรียนการสอนจากในห้องเรียนโดยการใช้ชุมชนเป็นฐาน เพื่อยกระดับการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชน อีกทั้งเป็นการฝึกทักษะให้แก่ผู้เรียนแบบ real world situation การดำเนินการดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมพันธกิจสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัยมหิดลต่อชุมชนและการบรรลุตามเป้าหมาย SDGs ได้ต่อไป

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

17.4.3, 2.4.1, 2.5.2

การปลูกข้าวเชิงพาณิชย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน

MU-SDGs Case Study*

การปลูกข้าวเชิงพาณิชย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน

ผู้ดำเนินการหลัก*

นายธนากร จันหมะกสิต

ส่วนงานหลัก*

โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์

ผู้ดำเนินการร่วม

นางสาวอิศริยาภรณ์ พรมพิทักษ์
อ.ดร. ปัณฑารีย์ แต้ประยูร
นางสาวศิริญา มีประดิษฐ

ส่วนงานร่วม

1. หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต
สาขา SMART Farmer
2. ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์

เนื้อหา*

วัตถุประสงค์ของโครงการ
1. เพื่อพัฒนาต้นแบบการทำนาปีที่ลดการใช้ปุ๋ยเคมีของชุมชนรอบวิทยาเขต
2. เพื่อลดต้นทุนการผลิตจากการใช้ปุ๋ยเคมี
3. เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชน

ด้วยโครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดลมีพันธกิจด้านบริการวิชาการและถ่ายทอดองค์ความรู้แบบบูรณาการ เพื่อสร้างคุณประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม-ฐานทรัพยากร การเกษตรความมั่นคงด้านอาหารที่สามารถแก้ปัญหาและพัฒนาชุมชน สังคม และประเทศอย่างยั่งยืน โดยพันธกิจดังกล่าวสอดคล้องกับการผลักดันการพัฒนาอย่างยั่งยืนในเป้าหมายที่ 12 เพื่อการผลิตและการบริโภคอย่างปลอดภัย ประกอบกับพื้นที่โดยรอบวิทยาเขตเป็นพื้นที่ทำการเกษตรเป็นหลัก ได้แก่ ทำนา ปลูกข้าวโพด มันสำปะหลัง และอ้อย อีกทั้งนางสาวอิศริยาภรณ์ พรมพิทักษ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขา SMART Farmer มีความสนใจทำปริญญานิพนธ์เกี่ยวกับการทำนาเพื่อลดต้นทุนการผลิตโดยใช้พื้นที่นาของครอบครัวเป็นพื้นที่ศึกษา (lesson learn) ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยกับชุมชนในการดำเนินการโครงการปลูกข้าวเชิงพาณิชย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมขึ้น ซึ่งผลที่ได้จากโครงการจะเป็นแปลงต้นแบบตัวอย่างของการทำนาที่ลดต้นทุนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยการลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมีด้วยเทคโนโลยีปุ๋ยสั่งตัด

นอกจากนี้กิจกรรมในโครงการดังกล่าวฯ ยังสอดคล้องกับรายวิชาหมอดิน และรายวิชาวิทยาศาสตร์การผลิตพืช ซึ่งเป็นรายวิชาในชั้นปีที่ 2 ของหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเกษตรกรปราชญ์เปรื่อง จึงปรับเปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนภาคบรรยายและภาคปฏิบัติ ในหัวข้อธาตุอาหารในดินและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเจริญเติบโตของพืช ซึ่งแต่เดิมมีการเรียนการสอนบรรยายในห้องเรียน ไปสู่การร่วมเก็บข้อมูลจริงในแปลงทดลองของรุ่นพี่ที่อยู่ในชุมชน ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเรียนรู้จากสถานการณ์จริงด้วย (real world situation) และยังก่อให้เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างรุ่นพี่และรุ่นน้องอีกด้วย

โดยโครงการปลูกข้าวเชิงพาณิชย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แบ่งการดำเนินการเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1. ก่อนเริ่มโครงการ: การตรวจดิน การวิเคราะห์ธาตุอาหารหลักในดิน และคำนวณปริมาณธาตุอาหารในดินตามหลักการปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดิน และปุ๋ยสั่งตัด
2. ระหว่างทำโครงการ: เตรียมแปลงปลูกข้าวโดยแบ่งออกเป็น 2 แปลง คือ แปลงที่ไม่ใช้ปุ๋ยสั่งตัด และแปลงที่ใช้ปุ๋ยสั่งตัด จากนั้นเริ่มทำการปลูกข้าว โดยแปลงที่ไม่ใช้ปุ๋ยสั่งตัดจะใช้วิธีการปลูกและการใส่ปุ๋ยตามที่เกษตรกรทำปกติ สำหรับแปลงที่ใช้ปุ๋ยสั่งตัดจะผสมปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินและปุ๋ยสั่งตัด, เก็บข้อมูลการเจริญเติบโตของข้าวที่อายุ 60, 90 และ 120 วัน, เก็บข้อมูลองค์ประกอบผลผลิต และผลิตของข้าว
3. หลังทำโครงการ: วิเคราะห์ข้อมูลเปรียบเทียบทางสถิติระหว่างแปลงที่ไม่ใช้ปุ๋ยสั่งตัด และแปลงที่ใช้ปุ๋ยสั่งตัด จากนั้นถอดบทเรียนหลังทำกิจกรรมร่วมกับนักศึกษาและครอบเกษตรกรเจ้าของแปลง รวมทั้งรวบรวมข้อมูลปัญหาอุปสรรค เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงการดำเนินการและขยายผลในอนาคต

จากการวิเคราะห์ข้อมูลต้นทุนการผลิตทั้งหมดในการปลูกข้าว พบว่าการใช้ปุ๋ยสั่งตัดสามารถลดต้นทุนการผลิตในส่วนของค่าปุ๋ยได้ 6% จากเดิม 24% เหลือ 18% และน้ำหนักข้าวเปลือกต่อไร่ที่ความชื่น 14% จากการคำนวณน้ำหนักเมล็ดข้าวเปลือกในการปลูกข้าวแบบนาหว่านพื้นที่ 1 ไร่ พบว่านาที่ใช้ปุ๋ยสั่งตัดให้ผลผลิตเฉลี่ยเท่ากับ 1400 กก./ไร่ ในขณะที่นาที่ไม่ใช้ปุ๋ยสั่งตัดมีผลผลิตเฉลี่ยเท่ากับ 860 กก./ไร่ จากข้อมูลข้างต้นสรุปได้ว่าการใช้ปุ๋ยแบบสั่งตัดลดการใช้ปุ๋ยเคมีจากเดิมรวม 26 กก./ไร่ เหลือ 22 กก./ไร่ แต่ให้ผลผลิตสูงขึ้นเนื่องจากการใส่ปุ๋ยที่เหมาะสมกับข้าวและพื้นที่ และเป็นการลดใช้ปุ๋ยเคมีที่มากเกินความจำเป็น ซึ่งสามารถลดการสะสมของปุ๋เคมีในดินและสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs12, SDGs4

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

12.a , 4.7

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs 2

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

2.4

Links ข้อมูลเพิ่มเติม *

https://r01.ldd.go.th/spb/Document%2059/puisangtat.pdf
https://youtu.be/reiJhsyXxd4?si=n199pLYeCNgol6tX
 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2

Partners/Stakeholders*

1. โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์
2. ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์
3. องค์การบริกหารส่วนตำบลเขาทอง อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

Key Message*

การปลูกข้าวเชิงพาณิชย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืนเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างหลักประกันให้มีรูปแบบการผลิตและการบริโภคอย่างปลอดภัย (SDGs12) และยังสอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวในภาคการเกษตร

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

2.4.1, 2.5.2, 2.5.3

โครงการการบูรณาการรายวิชาหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเกษตรยั่งยืนเพื่อสุขภาพและการประกอบการ กับการประกอบการเลี้ยงไก่ไข่ปล่อยอิสระในป่าสัก “The Teak Chicken”

MU-SDGs Case Study*

โครงการการบูรณาการรายวิชาหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเกษตรยั่งยืนเพื่อสุขภาพและการประกอบการ กับการประกอบการเลี้ยงไก่ไข่ปล่อยอิสระในป่าสัก “The Teak Chicken”

ผู้ดำเนินการหลัก*

คณะกรรมการบริหารหลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเกษตรยั่งยืนเพื่อสุขภาพและการประกอบการ (SMART Farmer)

ส่วนงานหลัก*

โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์

ผู้ดำเนินการร่วม

1. หอการค้าจังหวัดนครสวรรค์
2. ศูนย์การเรียนรู้ภูทอง
3. ห้างสรรพสินค้า V Sqaure นครสวรรค์

ส่วนงานร่วม

 

เนื้อหา*

หลักสูตรวิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาเกษตรยั่งยืนเพื่อสุขภาพและการประกอบการ (SMART Farmer) มีเป้าหมายในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีความรู้และทักษะด้านการประกอบการเกษตร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ และรู้วิธีประยุกต์ใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะช่วยผลักดันการพัฒนาเกษตรในประเทศไทยให้ยั่งยืนได้ โดยเฉพาะในสถานการณ์โลกร้อน ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และความสนใจในสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้น ทักษะในการประกอบการเกษตรเชื่อมโยงกับทฤษฎีและปฏิบัติกลายเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการช่วยให้การเกษตรเติบโตท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ไม่แน่นอน และสามารถผลิตสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพและปลอดภัยให้กับผู้บริโภคได้

เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะที่จำเป็นนี้ ผู้เรียนต้องผ่านการเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติและประสบการณ์จริง (Authentic learning) รวมถึงการทำธุรกิจเกษตร พร้อมฝึกใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์มาอธิบาย วิเคราะห์ และต่อยอดผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร อีกทั้งหลักสูตรยังมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาที่ผู้ประกอบการด้านการเกษตรมักพบระหว่างการดำเนินธุรกิจ ตั้งแต่การผลิตจนถึงการตลาดและการขาย

นอกจากนี้ หลักสูตรยังมีโปรแกรมช่วยเหลือนักศึกษาที่ขาดแคลน โดยให้นักศึกษาสามารถนำวัตถุดิบจากฟาร์ม เช่น ไข่ไก่ ไปประกอบอาหารเพื่อบริโภค โดยนักศึกษาที่เข้าร่วมจะต้องช่วยงานในฟาร์ม ซึ่งนอกจากจะช่วยให้พวกเขาได้รับประโยชน์จากการเรียนรู้เชิงปฏิบัติแล้ว ยังช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับนักศึกษาเองอีกด้วย

หลักสูตรนี้ยังได้รับการออกแบบให้บัณฑิตมีทักษะในการสร้างมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรตลอดห่วงโซ่คุณค่า (value chain) ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางอาหารและความยั่งยืนต่อสังคม โดยการดำเนินการดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs) อาทิ การขจัดความยากจนและความหิวโหย การลดความเหลื่อมล้ำ การมีสุขภาพและ ความเป็นอยู่ที่ดี การศึกษาที่เท่าเทียม การส่งเสริมแผนการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางบก และการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDG2,4

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

2.3, 2.4, 2.5
4.3

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs1,3, 10,12,15,17

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

1.2.1, 1.3, 1.4.1
3.3.2
17.2.2

Links ข้อมูลเพิ่มเติม *

1. รายการ Deschooling| ThaiPBS ห้องเรียนข้ามเส้น “อุดมศึกษา Flexy University ทันโลก”
2. กิจกรรมนอกห้องเรียน เซ็นโยเซฟ
3. จากการเรียนธุรกิจไก่ไข่ สู่ขายคอร์สความรู้กับ นักเรียน
4. แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหอการค้า จ.นครสวรรค์
5. จัดแสดงผลงานโปรเจ็ค นศ. ปี 4 พร้อมจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูป ของ นศ. ปี3 ที่ห้างสรรพสินค้า V Sqaure นครสวรรค์
6. มหาวิทยาลัยมหิดล วิทยาเขตนครสวรรค์ ตอบโจทย์สำคัญโดยประยุกต์หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาจัดหลักสูตรการเรียนการสอน เกษตรกรปราชญ์เปรื่องเพื่อผลิตบัณฑิตเป็นผู้ประกอบการ “SMART Farmer ผลิตได้ ขายเป็น ปลอดภัย ยั่งยืน” พร้อมทั้งเปิดกว้างการเรียนรู้สู่นักเรียนและเยาวชนในระดับมัธยม
7. ธุรกิจการเลี้ยงไก่ปล่อยอิสระในป่าสัก
8. มหิดลนครสวรรค์ร่วมงานสรุปผลการขับเคลื่อนการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การพัฒนากการศึกษาระดับภาค “รวมใจ ไขความลัดสู่ขุมทรัพทย์แห่งปัญญา ขับเคลื่อนการศึกษาในกลุ่มจังหวัดภาเหนือตอนล่าง 2”
 
 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2

Partners/Stakeholders*

มหาวิทยาลัยมหิดล/ สำนักงานศึกษาธิการ จังหวัดนครสวรรค์/ หอการค้าจังหวัดนครสวรรค์/ศูนย์การเรียนรู้ภูทอง จังหวัดนครสวรรค์/ ชุมชนตำบลเขาทอง/ โรงเรียนระดับมัธยมศึกษา นครสวรรค์/ ผู้รักสุขภาพ

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

 
นายกสภามหาวิทยาลัย คณะกรรมการสภมหาวิทยาลัยมหิดล และคณะผู้มหาวิทยาลัยมหิดลเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้การประกอบการด้านการเกษตรภายในวิทยาเขตนครสวรรค์


ท่านองคมนตรี ผอ.สำนักงานศึกษาธิการศึกษา หอการค้า บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) และผู้สนใจ ร่วมแลกเปลี่ยนความรู้ ศึกษาดูงานและเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้


ถ่ายทำรายการ Deschooling| ThaiPBS และรายการท่องเที่ยว จังหวัดนครสวรรค์


แหล่งเรียนรู้นอกห้องเรียนทั้งนักเรียนไทยและและชาวต่างชาติ และคอร์สเรียนรู้ “ผู้ประกอบการวัยเยาว์”

Key Message*

1. The good education is not confined to textbooks and classrooms alone. It is a dynamic process that occurs through interactions, real-world experiences and exposure to new idea. These processes provide students with the skills and knowledge they need to thrive in the complexities of the modern world.
2. By educating people in the community, Nakhonsawan campus has contributed to knowledge and skill development.

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

1.2.1, 1.3, 1.4.1
2.3,2.4, 2.5,
3.3.2
4.3
17.2.2

การพัฒนาขีดความสามารถการสื่อสารภาษาอังกฤษด้านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เขตพัฒนาราษฎร์บนพื้นที่สูง จังหวัดอุทัยธานี

MU-SDGs Case Study* การพัฒนาขีดความสามารถการสื่อสารภาษาอังกฤษด้านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เขตพัฒนาราษฎร์บนพื้นที่สูง จังหวัดอุทัยธานี
ผู้ดำเนินการหลัก* ผศ.ดร. ทวีศักดิ์ ชูมา   ส่วนงานหลัก* โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ผู้ดำเนินการร่วม ผศ. ดร. กิตติคุณ หมู่พยัคฆ์
อ. ดร. จุฑารัตน์ แสงกุล
อ. ดร. จิระพล จิระไกรศิริ
อ. ดร. เอกลักษณ์ คันศร
Mr. Magnus Findlater
ส่วนงานร่วม โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล
เนื้อหา*

จังหวัดอุทัยธานีมีลักษณะโดดเด่นทั้งด้านศาสนา วิถีชีวิต ศิลปะ ประเพณี วัฒนธรรม เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่มีเอกลักษณ์มีวิถีชีวิตของผู้คนที่เรียบง่ายสงบร่มเย็น ดังคำขวัญของจังหวัดอุทัยธานี “เมืองพระชนกจักรี ปลาแรดรสดี ประเพณีเทโว ส้มโอบ้านน้าตก มรดกโลกห้วยขาแข้ง แหล่งต้นน้าสะแกกรัง ตลาดนัดดังโคกระบือ”แสดงให้เห็นถึงทุนทางวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์และมีเสน่ห์ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวสู่การเรียนรู้และอนุรักษ์อย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อเป็นช่องทางหรือโอกาสในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งมีหลากหลายเช่น อาหาร ศิลปะการแสดงท้องถิ่น ดนตรีไทย ดนตรีพื้นบ้าน ภูมิปัญญา ภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ เครื่องจักสาน ผ้าทอ วัฒนธรรม ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น อันเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและเป็นเอกลักษณ์ของชาติ สนับสนุนการสร้างสรรค์ บุกเบิก การประดิษฐ์ คิดค้น เพื่อนำไปสู่เศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยการดำรงไว้ซึ่งคุณภาพและมาตรฐานของวัฒนธรรม ตลอดจนการนำวัฒนธรรมไทยเผยแพร่สู่สังคมโลก

ด้วยเหตุนี้แหล่งท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในจังหวัดอุทัยธานีกำลังเป็นที่สนใจการจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สนใจการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ ๆ รูปแบบการท่องเที่ยวที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเรียนรู้ภูมิปัญญาและนิเวศวัฒนธรรมพื้นถิ่น เพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวในรูปแบบใหม่ โดยได้เรียนรู้ร่วมกันผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับชุมชนและการปรับตัวให้เข้ากับความเป็นอยู่ของแหล่งท่องเที่ยวนั้นจะช่วยส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมาท่องเที่ยวจังหวัดอุทัยธานีเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามความสามารถด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษของบุคลากรการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ยังไม่ได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่และเป็นระบบ ข้อมูล เบื้องต้นนี้ได้จากการสัมภาษณ์คุณสมบัติ ชูมา ผู้ศึกษาและวิจัยกลุ่มชาติพันธุ์ชาวกระเหรี่ยงโปว์ จังหวัดอุทัยธานี จากสถาบันธรรมชาติพัฒนา เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2564 ทาให้เราทราบว่า ทุนทางวัฒนธรรมและแหล่งท่องเที่ยวของชาวกระเหรียงโปว์ในพื้นที่จังหวัดอุทัยเป็นที่สนใจของนักท่องเทียวชาต่างชาติจานวนมากในช่วงระยะเวลาก่อนโควิด 19 ระบาดมีนักท่องเที่ยวชาวจีนจานวนมากสนใจและใช้ระบบการนาทางด้วยดาวเทียม GPS ขับรถมาเที่ยวในพื้นที่เขตพัฒนาราษฎร์บนพื้นที่สูง ซึ่งทำให้ทราบว่าบุคลากรการท่องเที่ยวหรือผู้ประกอบการท้องถิ่นยังไม่เคยได้รับการอบรมภาษาอังกฤษและไม่มีคู่มือภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารกับชาวต่างชาติ จึงอาจทำให้เสียโอกาสในการจำหน่ายสินค้าและเผยแพร่วัฒนธรรมให้ชาวต่างชาติ

ดังนั้น เพื่อเตรียมการให้บุคลากรด้านการท่องเที่ยวมีความพร้อมรองรับการท่องเทียวเชิงสรางสรรค์หลังการระบาดของโรคโควิด 19 ผู้วิจัย จึงมีความสนใจการพัฒนาขีดความสามารถการสื่อสารภาษาอังกฤษด้านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ เขตพัฒนาราษฎร์บนพื้นที่สูง จังหวัดอุทัยธานี ซึ่งผลการวิจัยนี้จะช่วยพัฒนาผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ให้สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ อันจะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการจำหน่ายสินค้าพื้นเมืองและบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ต่างๆ เพื่อสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน ตลอดจนทำให้นักท่องเที่ยวได้รับความสะดวก ความเข้าใจ และเกิดความประทับใจ แล้วกลับมาเที่ยวเมืองไทยอีก

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม* SDGs 4 เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก* 4.3.4
SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง  SDGs 1,11,17 เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ  11.4, 11.6, 11.8, 17.4.3
Links ข้อมูลเพิ่มเติม *  
 

Facebook

Youtube

 
MU-SDGs Strategy*  ยุทธศาสตร์ที่ 4
Partners/Stakeholders*

1) ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูง ตำบลทองหลาง อำเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี

2) ศูนย์วัฒนธรรมกระเหรี่ยงบ้านภูเหม็น ตำบลทองหลาง อำเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี

3) สถาบันธรรมชาติพัฒนา จังหวัดอุทัยธานี

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*  
Key Message* สังเคราะห์ความต้องการการใช้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารสำหรับบุคลากรด้านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ในเขตพัฒนาราษฎร์บนพื้นที่สูง จังหวัดอุทัยธานี เพื่อสร้างและพัฒนาคู่มือการสื่อสารภาษาอังกฤษสำหรับบุคลากรด้านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ ให้สามารถนำมาใช้เพื่อพัฒนาทักษะการสื่อสารด้านการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ได้ เพื่อสร้างรายได้จากการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง  4.3.4