การพัฒนาต้นแบบกระถางย่อยสลายได้จากโคนหน่อไม้ฝรั่ง: การใช้ประโยชน์วัสดุเหลือทิ้งเพื่อสร้างอาชีพและความยั่งยืน

MU-SDGs Case Study*

การพัฒนาต้นแบบกระถางย่อยสลายได้จากโคนหน่อไม้ฝรั่ง: การใช้ประโยชน์วัสดุเหลือทิ้งเพื่อสร้างอาชีพและความยั่งยืน

ผู้ดำเนินการหลัก*

1. ผศ.ดร. ปัณฑารีย์ แต้ประยูร
2. นายธนากร จันหมะกสิต
3. รศ.ดร.สงพงษ์ โอทอง
4. อ.ดร.ชลธิชา มามิมิน

ส่วนงานหลัก

1. หน่วยวิจัยการใช้ประโยชน์ทางการเกษตรและสิ่งแวดล้อม
2. ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ
3. หลักสูตรเทคโนโลยีเกษตรและสิ่งแวดล้อม

ผู้ดำเนินการร่วม

ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่หน่อไม่ฝรั่ง อ.ตากฟ้า

ส่วนงานร่วม

1. นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)
2. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่หน่อไม่ฝรั่ง อ.ตากฟ้า

เนื้อหา*

หน่อไม้ฝรั่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของ อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ ซึ่งมีการปลูกในลักษณะ “แปลงใหญ่” เพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตามส่วนโคนหน่อไม้ฝรั่ง (ประมาณ 30–40% ของผลผลิต) มักถูกตัดทิ้งเป็นเศษเหลือทิ้งทางการเกษตร กลายเป็นปัญหาของเกษตรกร ทั้งด้านการกำจัดและการสูญเสียโอกาสสร้างมูลค่าเพิ่ม โครงการนี้จึงพัฒนาต้นแบบและศึกษาความเป็นไปได้ของการผลิต “กระถางย่อยสลายได้จากโคนหน่อไม้ฝรั่ง” โดยใช้แนวคิด BCG Economy และการเรียนรู้เชิงบูรณาการ ผ่านการทำงานร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยกับเกษตรกรภายใต้โครงการ นิคม NEXT ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

ขั้นตอนดำเนินงาน
• ศึกษาคุณสมบัติของโคนหน่อไม้ฝรั่งที่เหลือทิ้ง และพัฒนาเป็นวัตถุดิบทำกระถาง
• ทดลองสร้างต้นแบบกระถางที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ

แนวทางต่อยอดและพัฒนา
• ออกแบบบรรจุภัณฑ์และทดสอบการปลูกจริง (seedling test)
• ถ่ายทอดองค์ความรู้และเทคโนโลยีให้ชุมชนเกษตรกรรอบนิคม NEXT
• ทดลองตลาดเบื้องต้นกับผู้ประกอบการไม้ดอกและผักปลูกในกระถาง

ผลลัพธ์และประโยชน์
• ลดปริมาณวัสดุเหลือทิ้งจากการผลิตหน่อไม้ฝรั่ง
• เพิ่มรายได้เสริมให้เกษตรกร และสร้างโอกาสอาชีพใหม่

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs12

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

12.4, 12.5

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs8,9,15

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

8.3, 9.5, 15.1
Links ข้อมูลเพิ่มเติม * 
https://www.facebook.com/share/p/1b3zZHxFEq/
 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2,4

Partners/Stakeholders*

1. ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ ม.มหิดล วิทยาเขตนครสวรรค์
2. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (นิคม NEXT)
3. กลุ่มเกษตรกรหน่อไม้ฝรั่ง อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

Key Message*

“จากเศษเหลือเกษตร…สู่กระถางรักษ์โลก”
“เพิ่มมูลค่าหน่อไม้ฝรั่ง ตอบโจทย์ BCG และ SDGs”
“สร้างนวัตกรรมใหม่ เชื่อมโยงมหาวิทยาลัย-ชุมชน ผ่านนิคม NEXT”

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

12.4.1, 12.5.1, 8.3.1, 9.5.1, 15.1.1

ผลิตภัณฑ์จากทรัพยากรชีวภาพเพื่อเศรษฐกิจชุมชน: ไซรัปน้ำส้มซ่าเข้มข้น

MU-SDGs Case Study*

ผลิตภัณฑ์จากทรัพยากรชีวภาพเพื่อเศรษฐกิจชุมชน: ไซรัปน้ำส้มซ่าเข้มข้น

ผู้ดำเนินการหลัก*

1. นายธนากร จันหมะกสิต
2. ผศ.ดร. ปัณฑารีย์ แต้ประยูร

ส่วนงานหลัก

โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล
1. ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ
2. หน่วยวิจัยการใช้ประโยชน์ทางการเกษตรและสิ่งแวดล้อม

ผู้ดำเนินการร่วม

1. นางสาวอทิตยา เยาว์พฤกษ์ชัย
2. นางจุฑามาส กลิ่นเกล้า
3. นางมธุรส หุ่นหล่อ

ส่วนงานร่วม

1. สำนักงานเกษตรจังหวัดอุทัยธานี กรมส่งเสริมการเกษตร
2. กลุ่มเกษตรกรหอมสะแกกรัง จ.อุทัยธานี

เนื้อหา*

ส้มซ่า (Citrus aurantium) เป็นผลไม้พื้นถิ่นที่มีเอกลักษณ์ของจังหวัดอุทัยธานี แต่ที่ผ่านมาไม่ได้ถูกใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์อย่างแพร่หลาย เนื่องจากมีรสชาติขมจากน้ำมันหอมระเหยในเปลือก และผลผลิตมักถูกจำกัดด้วยฤดูกาล โครงการนี้จึงมุ่งพัฒนานวัตกรรม “ไซรัปน้ำส้มซ่าเข้มข้น” เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากผลผลิตท้องถิ่น และยกระดับไปสู่การค้าเชิงพาณิชย์

ขั้นตอนดำเนินการ
• ศึกษาวิธีการสกัดน้ำส้มซ่าโดยไม่ให้มีน้ำมันหอมระเหยปนเปื้อน
• พัฒนาสูตรไซรัป 2 สูตร และปรับปรุงจนได้ 3 สูตรต้นแบบ
• ทดสอบทางประสาทสัมผัสกับผู้บริโภค 107 คน เลือกสูตรที่ได้รับความพึงพอใจสูงสุด
• ปรับปรุงเพิ่มเติมจนได้ สูตรสมบูรณ์ พร้อมยื่นขอเลข อย. และฉลากโภชนาการ
• ออกแบบบรรจุภัณฑ์และฉลากเพื่อเพิ่มมูลค่าทางการตลาด
• ทดลองต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูป เช่น เครื่องดื่ม กาแฟ เบเกอรี่ หมี่กรอบ และน้ำสลัด

ผลลัพธ์และประโยชน์
• ได้ผลิตภัณฑ์ ไซรัปส้มซ่าเข้มข้น ที่พร้อมสู่ตลาด
• เป็นตัวอย่างการสร้างนวัตกรรมจากภูมิปัญญาและทรัพยากรท้องถิ่น
• สร้างรายได้เสริมและแนวทางการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่เกษตรกร/ผู้ประกอบการท้องถิ่น
• เชื่อมโยงเศรษฐกิจฐานรากกับการพัฒนาผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Startup/SME)
• ตอบโจทย์เศรษฐกิจ BCG และเป้าหมาย SDGs ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs12

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

12.2, 12.4, 12.5

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs8,9,3

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

8.3, 9.5, 3.4
Links ข้อมูลเพิ่มเติม *  
https://www.facebook.com/share/p/1CTBShmogU/

https://www.facebook.com/share/p/1B9vjdpxiJ/
 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 2,4

Partners/Stakeholders*

1. ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ ม.มหิดล วิทยาเขตนครสวรรค์
2. เกษตรกรผู้ปลูกส้มซ่าในจังหวัดอุทัยธานี
3. หน่วยงานภาครัฐและเอกชนในท้องถิ่น เช่น สำนักงานเกษตร, ภาคธุรกิจ SME

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

Key Message*

“จากผลไม้พื้นถิ่นสู่นวัตกรรมไซรัปน้ำส้มซ่าเข้มข้น”
“ยกระดับเศรษฐกิจชุมชนด้วยพลังงานวิจัยและผู้ประกอบการ”
“สินค้านวัตกรรม BCG ตอบโจทย์การพัฒนาอย่างยั่งยืน”

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

12.2.1, 12.4.1, 12.5.1, 8.3.1, 9.5.1

โครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเป้าหมายพิเศษ ในพื้นที่นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

MU-SDGs Case Study*

โครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเป้าหมายพิเศษ
ในพื้นที่นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

ผู้ดำเนินการหลัก*

รศ.ดร.สงพงษ์ โอทอง

ผศ.ดร.ปัณฑารีย์ แต้ประยูร

นายธนากร จันหมะกสิต

อ.ดร.ชลธิชา มามิมิน

ส่วนงานหลัก*

1. หน่วยวิจัยการใช้ประโยชน์ทางการเกษตรและสิ่งแวดล้อม 

2. ศูนย์วิจัยและบริการวิชาการ

3. หลักสูตรเทคโนโลยีเกษตรและสิ่งแวดล้อม

ผู้ดำเนินการร่วม

1. นางสาวศิษยา จันทภา 

ผู้ปกครองนิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์

2. ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่หน่อไม่ฝรั่ง อ.ตากฟ้า

 

ส่วนงานร่วม

1. นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)

2. กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่หน่อไม่ฝรั่ง อ.ตากฟ้า

3. องค์การบริการส่วนตำบลพุนกยูง อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์

เนื้อหา*

                ในปัจจุบันพื้นที่นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ดำเนินโครงการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มเป้าหมายพิเศษในพื้นที่นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568  เพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะความรู้ พัฒนาทุนมนุษย์สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมอัตลักษณ์นิคมสร้างตนเอง (นิคมNEXT) พัฒนาสังคมจากรากฐานให้เข้มแข็งและพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น พัฒนาทักษะและอาชีพให้ตรงกับความต้องการของตลาด สนับสนุนให้สมาชิกนิคมและราษฎรในพื้นที่มีอาชีพมีรายได้อย่างยั่งยืนต่อไป โดยผ่านการพัฒนา 6  ด้าน คือ 1) ด้านการสร้างอาชีและรายได้ 2)ด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชน 3) ด้านการพัฒนาผู้สูงอายุ 4) ด้านการพัฒนาคนพิการ  5)  ด้านการส่งเสริมคุณภาพชีวิตสตรีและครอบครัว และ 6) ด้านการพัฒนาป่านิเวศชุมชน  ซึ่งประชาชนในพื้นที่นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรที่มีรายได้น้อยและขาดโอกาสในการพัฒนาคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน เกษตรกรในพื้นที่ยังประสบปัญหาการผลิตผลเกษตรที่ไม่สามารถเพิ่มมูลค่าได้ และยังขาดความรู้ในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ให้มีมูลค่าสูงขึ้น เช่น หน่อไม้ฝรั่งและเศษหน่อไม้ฝรั่ง นอกจากนี้ ปัญหาการเลี้ยงโคนมยังมีการใช้ต้นทุนสูง และผลผลิตน้ำนมที่ต่ำ ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ไม่สามารถเพิ่มรายได้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
                โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับนิคมสร้างตนเองตากฟ้าหน่วยงานในสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเป้าหมายพิเศษที่อาศัยอยู่ในนิคมสร้างตนเองตากฟ้า โดยการการยกระดับประสิทธิภาพการผลิตและเพิ่มมูลค่าของเศษเหลือทิ้งจากกระบวนการตัดแต่งทางการเกษตร รวมถึงการพัฒนาการเลี้ยงโคนม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุนในการเลี้ยงโคนม นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นการถ่ายทอดความรู้และเทคนิคต่าง ๆ ผ่านการฝึกอบรมจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่สามารถนำไปใช้จริงได้อย่างยั่งยืน ผลที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการนี้ คือ การเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรในพื้นที่ อีกทั้งจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชากรกลุ่มเป้าหมายพิเศษในพื้นที่นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ โดยการส่งเสริมการแปรรูปผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรและการพัฒนาการเลี้ยงโคนม ซึ่งจะส่งผลให้เกษตรกรในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้นและสามารถลดต้นทุนการผลิตได้ อีกทั้งยังช่วยสร้างความรู้ความเข้าใจในการพัฒนาอาชีพอย่างยั่งยืน และช่วยลดปัญหาความยากจนในระยะยาว

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs2

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

2.2, 2.4 

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs1,8,12,17

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

1.1, 1.4, 8.1, 8.2, 8.6, 12.2,  12.3, 12.5
Links ข้อมูลเพิ่มเติม * 

https://www.facebook.com/profile.php?id=100057309017433

 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 1

Partners/Stakeholders*

1. ประชาชนในนิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์
2. นิคมสร้างตนเองตากฟ้า จังหวัดนครสวรรค์ หน่วยงานในสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
3. โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

Key Message*

สร้างความยั่งยืน ด้านรายได้ แก้ไขปัญหาการทำการเกษตรด้วยงานวิจัยเชิงพื้นที่ โดยทำงานประสานกันระหว่างหน่วยงาน ชุมชน และมหาวิทยาลัย

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

17.2.4

การเสริมศักยภาพชุมชนภายใต้โครงการ U2T for BCG

MU-SDGs Case Study*

การเสริมศักยภาพชุมชนภายใต้โครงการ U2T for BCG

ผู้ดำเนินการหลัก*

ดร.ณพล อนุตตรังกูร
ผศ.ดร.สุภาภรณ์ คำเรืองฤทธิ์
อ.ดร.พรพิรัตน์ คันธธาศิริ
นายสิทธิพงษ์ วงศ์วิลาศ
นายธนากร จันหมะกสิต
นางสาวพินณารักษ์ พันธุมาศ

ส่วนงานหลัก*

โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์

ผู้ดำเนินการร่วม

 

ส่วนงานร่วม

องค์การบริหารส่วนตำบลเขาทอง
องค์การบริหารส่วนตำบลนิคมเขาบ่อแก้ว
องค์การบริหารส่วนตำบลเขากะลา
องค์การบริหารส่วนตำบลเนินมะกอก
องค์การบริหารส่วนตำบลสระแก้ว
องค์การบริหารส่วนตำบลเนินขี้เหล็ก
องค์การบริหารส่วนตำบลยางขาว
องค์การบริหารส่วนตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ
เทศบาลตำบลเก้าเลี้ยว

เนื้อหา*

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) มีนโยบายในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG (U2T for BCG and Regional Development) ด้วยการสนับสนุนให้สถาบันการศึกษาในประเทศไทยขับเคลื่อนเพื่อเพิ่มศักยภาพและขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการผลิตและบริการด้าน BCG ในพื้นที่ ด้วยองค์ความรู้เทคโนโลยีและนวัตกรรม พัฒนากำลังคนให้มีทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการทำงานในปัจจุบันและทักษะที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ BCG และเพื่อพัฒนาฐานข้อมูล Thailand Community Big Data (TCD) ให้มีความสมบูรณ์ครอบคลุมในทุกพื้นที่ของประเทศ โดยโครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดลได้สนับสนุนการเสริมศักยภาพชุมชนจำนวน 9 ตำบล ในเขตจังหวัดนครสวรรค์ ได้แก่ ตำบลเขาทอง ตำบลนิคมเขาบ่อแก้ว ตำบลเขากะลา ตำบลเนินมะกอก ตำบลสระแก้ว ตำบลเนินขี้เหล็ก ตำบลยางขาว ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ และตำบลเก้าเลี้ยว โดยมีการจ้างงานของคนในพื้นที่ประเภทบัณฑิต 46 คน และประชาชน 46 คน รวมทั้งหมด 86 คน เพื่อช่วยขับเคลื่อนในการเสริมศักยภาพชุมชนตามบริบทของแต่ละพื้นที่ที่แตกต่างกันไป ดังนี้
1) ตำบลเขาทอง เป็นตำบลที่มีจำนวนประชากรค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและเลี้ยงวัว จึงประสบปัญหามีปริมาณขยะในชุมชนและมีมูลวัวจำนวนมาก จึงเล็งเห็นแนวทางการสร้างคุณค่าให้กับมูลวัว และการจัดการวัสดุเหลือใช้ในชุมชน โครงการจึงเข้ามาอบรมประชาชนให้ความรู้เกี่ยวกับปุ๋ยอินทรีย์ และความรู้เกี่ยวกับการจัดการขยะในชุมชน เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ “ปราชญ์ดินดี อินทรีย์โบกาฉิ” และสนับสนุนพัฒนาศักยภาพของประชาชนในหมู่ 9 ตำบลเขาทอง ให้มีความรู้ในการคัดแยกขยะเพื่อสร้างรายได้ ซึ่งมีการทำเป็นโครงการธนาคารขยะ เพื่อรับซื้อขยะภายในกลุ่มสมาชิกและบุคคลภายนอก (ตามข้อตกลงกลุ่ม) มีการกระตุ้นและพัฒนาให้เกิดศูนย์การเรียนรู้ในชุมชน และชุมชนใกล้เคียงอื่น เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ “ขยะเขาทอง ขายออมเป็นเงิน” โดยกิจกรรมของโครงการทำให้เกิดผล ดังนี้
– ได้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยจากมูลวัว ภายใต้แบรนด์ปราชญ์ดินดีอินทรีย์โบกาฉิ เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ/สร้างรายได้เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 22,500 บาทต่อเดือน
– การจัดการขยะในชุมชน ด้วยการลดขยะ รับซื้อขยะในชุมชนสามารถเก็บเป็นเงินออม และเป็นศูนย์เรียนรู้ให้กับชุมชนอื่นๆ มีประชาชนเข้าร่วมโครงการประมาณ 30 ครัวเรือน เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ/สร้างรายได้เป็นมูลค่าทั้งหมด 2,740 บาทต่อเดือน และลดค่าใช้จ่ายด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม 992.25 บาทต่อเดือน
2) ตำบลนิคมเขาบ่อแก้ว เป็นตำบลที่มีเกษตรกรที่เลี้ยงแพะและเลี้ยงวัวเป็นจำนวนมาก ทำให้มีมูลแพะและมูลวัวที่ปล่อยทิ้งไว้โดยเปล่าประโยชน์เป็นจำนวนมาก ชุมชนและกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่จึงเห็นโอกาสการสร้างมูลค่าให้กับมูลแพะและมูลวัว ทางมหาวิทยาลัยมหิดลจึงได้เข้าไปแนะนำให้คนในชุมชนมีความรู้เกี่ยวกับปุ๋ยอินทรีย์ และส่งเสริมกระบวนการหมักปุ๋ยแบบแห้งและใช้ระยะเวลาสั้น ที่เรียกว่าปุ๋ย “โบกาฉิ” เพื่อช่วยปรับสภาพโครงสร้างของดินให้ร่วนซุยและเพิ่มธาตุอาหารแก่ดิน โดยกิจกรรมของโครงการทำให้เกิดผล ดังนี้
– ได้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยจากมูลแพะ ภายใต้แบรนด์มูลแพะนิคม G.E. เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ/สร้างรายได้เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 22,250 บาทต่อเดือน
– ได้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยจากมูลวัว ภายใต้แบรนด์มูลแพะนิคมโบกาฉิ เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ/สร้างรายได้เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 22,550 บาทต่อเดือน
3) ตำบลเขากะลา เป็นตำบลที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เนินเขา ทำให้ชุมชนส่วนใหญ่ทำการเกษตรกรรมเชิงเดี่ยวด้วยการปลูกอ้อย โดยในพื้นที่มีไร่ประพันธ์ ซึ่งเป็นชาวบ้านในตำบลเขากะลามีแนวคิดในการพัฒนาต่อยอดจากการปลูกอ้อยขายสู่การแปรรูปและเพิ่มมูลค่าสู่น้ำอ้อยคั้นสดปลอดภัยและไวน์อ้อย ทางมหาวิทยาลัยมหิดลจึงได้เข้าไปส่งเสริมถ่ายทอดเทคโนโลยี โดยกิจกรรมของโครงการทำให้เกิดผล ดังนี้
– Rebranding น้ำอ้อยคั้นสดปลอดภัย เกิดเป็นสินค้าภายใต้แบรนด์ Mont KALA ไร่ประพันธ์ เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ/สร้างรายได้เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 10,000 บาทต่อเดือน
– ผลิตไวน์อ้อย (Sugarcane Wine) เกิดเป็นสินค้าภายใต้แบรนด์ Mont KALA ไร่ประพันธ์ เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ/สร้างรายได้เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 6,426 บาทต่อเดือน
4) ตำบลเนินมะกอก ตั้งอยู่ในพื้นที่ดอนซึ่งมีการใช้ที่ดินส่วนใหญ่เป็นพืชไร่ ประชาชนประสบปัญหาในการใช้ปุ๋ยเคมีที่มีราคาสูง ทำให้รายได้ที่มีอยู่ลดลงจากต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้มหาวิทยาลัยมหิดลเข้ามาให้ความรู้กับชุมชน โดยกิจกรรมของโครงการมุ่งการอบรมเชิงปฏิบัติการ ได้แก่ อบรมความรู้เชิงปฏิบัติการการผลิตปุ๋ยตามความต้องการของชนิดพืช การทำธุรกิจด้วย แผนธุรกิจแคนวาส การตั้งราคาสินค้า การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ และการทำการตลาดทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ โดยชุมชนมีการเปิดเพจทั้งบนแพล็ตฟอร์ม Facebook และ TIKTOK เพื่อให้กุล่มลูกค้าเป้าหมายเข้าถึงได้ง่าย
จากการอบรมความรู้เชิงปฏิบัติการข้างต้น เกิดผลผลิต 2 ชนิด คือ ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยน้ำตราประดู่ทอง และผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเกล็ดตราประดู่ทอง เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ/สร้างรายได้เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,500 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ชุมชนตำบลเนินมะกอกมีการเปิดบัญชี เพื่อนำเงินรายได้สะสมเป็นกองทุนเพื่อใช้ในการดำเนินการและบริหารจัดการโดยคนในชุมชนที่ผ่านการอบรมในโครงการ U2T ต่อไป
5) ตำบลสระแก้ว มีความโดดเด่นในด้านการแปรรูปสมุนไพร ซึ่งวัดสระแก้วและชุมชนได้พัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้กับญาติโยมในการไปใช้ประโยชน์ต่อ ในการนี้ทางมหาวิทยาลัยมหิดลจึงได้เข้ามามีส่วนร่วมในการยกระดับและพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยกิจกรรมของโครงการทำให้เกิดผล ดังนี้
– ได้ผลิตภัณฑ์แปรรูปสมุนไพรและชีวภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ U2T for BCG C&T OIL สระแก้ว เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ/สร้างรายได้เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,800 บาทต่อเดือน
– ได้ผลิตภัณฑ์แปรรูปสมุนไพรและชีวภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ U2T for BCG ชีวภัณฑ์สระแก้ว เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ/สร้างรายได้เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 500 บาทต่อเดือน
– ได้ผลิตภัณฑ์แปรรูปสมุนไพรและชีวภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ U2T for BCG ม้าฮ้อสระแก้ว เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ/สร้างรายได้เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,600 บาทต่อเดือน
6) ตำบลเนินขี้เหล็ก เป็นชุมชนชนบทที่มีการทำการเกษตรกรรมหลากหลายชนิด เช่น นาข้าว พืชไร่ พืชสวน เป็นต้น ซึ่งเกษตรกรมีต้นทุนในการผลิตที่สูงจนมีรายได้ที่ลดลง ดังนั้นมหาวิทยาลัยมหิดลจึงได้เข้าไปสนับสนุนในด้านการลดต้นทุนการผลิตและสร้างอาชีพนอกภาคการเกษตร โดยกิจกรรมของโครงการทำให้เกิดผล ได้แก่ ปุ๋ยน้ำ CAN Grow Up และน้ำผึ้งสมุนไพร ได้สร้างเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งสิ้น 3,500 บาทต่อเดือน
7) ตำบลยางขาว เป็นตำบลที่ตั้งอยู่บริเวณที่ราบแม่น้ำเจ้าพระยา มีการทำการเกษตรส่วนใหญ่เป็นนาข้าว และมีกลุ่มวิสาหกิจชุมชนศูนย์ข้าวชุมชนบ้านยางขาว มหาวิทยาลัยมหิดลได้เข้ามาสนับสนุนองค์ความรู้ และพัฒนาจนได้ผลิตภัณฑ์ 2 ประเภท และคลินิกดิน ดังนี้
– ได้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยน้ำออลดี-พลัส (AllDee-Plus) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ปุ๋ยน้ำที่รวมธาตุอาหารเสริมที่ดีสำหรับพืชไว้ทั้งหมด จำนวน 1 ผลิตภัณฑ์
– ได้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเกล็ดออลดี-โกรว์ (AllDee-Grow) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ปุ๋ยเกล็ดที่ทำให้พืชมีการเจริญเติบโตงอกงามขึ้น จำนวน 3 ผลิตภัณฑ์
– คลินิคดิน เป็นการให้บริการตรวจวิเคราะห์ธาตุอาหารในดินและให้คำแนะนำการใช้ปุ๋ยที่เหมาะกับดินรายแปลง รวดเร็วทันใจรู้ผลใน 30 นาที จำนวน 1 การบริการ
ผลิตภัณฑ์น้ำและปุ๋ยเกร็ดที่จำหน่ายได้ในระหว่างโครงการ คิดเป็นยอดเงิน 38,670 บาท หารายได้จากการตรวจวิเคราะห์ดินในระหว่างโครงการ เป็นจำนวนเงิน 5,000 บาท มีเกษตรกรเข้ามามีส่วนร่วมกับโครงการประมาณ 150 คน สามารถถ่ายทอดความรู้เรื่องการจัดการดินปุ๋ยให้กับเกษตรกร ทั้งสิ้น 50 คน มีหน่วยงานภาครัฐที่ให้ความร่วมมือและให้การสนับสนุน 5 หน่วยงาน 1 วิสาหกิจชุมชน
8) ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ เป็นชุมชนชนบทที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมที่มีรายได้น้อย ทั้งนาข้าวและพืชไร่ ซึ่งมหาวิทยาลัยมหิดลได้เข้ามีหนุนเสริมสร้างอาชีพเสริมให้กับชุมชน ด้วยการพัฒนาการปรับเปลี่ยนเป็นปลูกผักปลอดภัยและการจัดการขยะในชุมชน โดยกิจกรรมของโครงการทำให้เกิดผล ดังนี้
– กิจกรรม “รักษ์ผักปลอดสาร” มีผู้เข้าร่วม 18 ครัวเรือน เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ/สร้างรายได้เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5,152 บาทต่อเดือน
– กิจกรรม “ขยะ 3 ดี สู่ชุมชน” ได้หมู่ที่ 12 เป็นชุมชนต้นแบบ และได้อาสาสมัคร
จำนวน 40 ครอบครัว เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ/สร้างรายได้เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,059 บาทต่อเดือน
9) ตำบลเก้าเลี้ยว มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำปิง ทำให้เป็นแหล่งปลูกพืชสวนและไม้ผลชนิดต่างๆ โดยเฉพาะฝรั่งที่มีเกษตรกรปลูกในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีการส่งขายสู่ตลาดในรูปแบบของการขายปลีกและขายส่ง ในการนี้ทางมหาวิทยาลัยมหิดลได้มีการส่งเสริมในการลดต้นทุนด้วยการใช้ปุ๋ยหมักและยกระดับสินค้า โดยกิจกรรมของโครงการทำให้เกิดผล ดังนี้
– กิจกรรม “ฝรั่งเก้าเลี้ยว ก้าวไกล” โดยใช้แบรนด์ “ฝรั่งเก้าคุ้ง ตำบลเก้าเลี้ยว” เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจ/สร้างรายได้เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 10,000 บาทต่อเดือน
– ได้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยน้ำหมักเลี้ยว สามารถลดค่าใช้จ่ายในการจัดการสิ่งแวดล้อมทั้งสิ้น 500 บาทต่อเดือน

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDG1

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

1.4

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

SDGs 2,8,12,17

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

2.3,8.2,12.2,12.3,12.4,17.4

Links ข้อมูลเพิ่มเติม *

https://op.mahidol.ac.th/ga/author-96/
 
 

MU-SDGs Strategy*

ยุทธศาสตร์ที่ 3

Partners/Stakeholders*

ผู้เข้าร่วมโครงการทั้ง 9 ตำบล
กำนัน และผู้ใหญ่บ้านทั้ง 9 ตำบล
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้ง 9 ตำบล
ประชาชนในพื้นที่ทั้ง 9 ตำบล
ไร่ประพันธ์

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

 ตำบลเขาทอง
 
 ตำบลนิคมเขาบ่อแก้ว

ตำบลเขากะลา

ตำบลเนินมะกอก
  
ตำบลสระแก้ว

ตำบลเนินขี้เหล็ก

ตำบลยางขาว

ตำบลศาลเจ้าไก่ต่อ

Key Message*

การจัดการวัสดุเหลือใช้ในชุมชน, การยกระดับให้เกิดผลิตภัณฑ์, การเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์, การออกตลาด

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง

1.4.1, 1.4.4

ที่ปรึกษาโครงการตำรวจพันธุ์ดี สภ.หนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี

4

MU-SDGs Case Study*ที่ปรึกษาโครงการตำรวจพันธุ์ดี สภ.หนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี
ผู้ดำเนินการหลัก* นางสาวพินณารักษ์ พันธุมาศ ส่วนงานหลัก*โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ผู้ดำเนินการร่วมส่วนงานร่วม
เนื้อหา*ที่มาและความสำคัญ   โครงการตำรวจพันธุ์ดี เป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า
กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 
ที่มีจุดประสงค์เพื่อน้อมนำ ส่งเสริมการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญา
ของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางการพึ่งพาตนเอง ให้กับกำลังพลและครอบครัวตำรวจ
ได้มีความรู้ในทำการเกษตร
มีผลผลิตบริโภคภายในครัวเรือน ลดภาระรายจ่าย สร้างรายได้เพิ่ม และสามารถถ่ายทอด แบ่งปันความรู้จากการปฏิบัติสู่ชุมชนรอบข้าง
รวมถึงเพื่อเป็นพื้นที่ในการเก็บ สำรอง และแบ่งปัน ช่วยเหลือ ด้านเมล็ดพันธุ์ให้กับพื้นที่ขาดแคลนหรือพื้นที่จำเป็นยามสภาวะฉุกเฉินในอนาคตด้วย  ถือว่าเป็นโอกาสที่สำคัญที่โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่มีการบ่มเพาะประสบการณ์มาก่อนมีความพร้อมทั้งเรื่ององค์ความรู้ในการผลิตอาหารปลอดภัย การทำเกษตรอินทรีย์ที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับ มีการผลิตเมล็ดพันธุ์ไว้ใช้เองที่มีคุณภาพที่หลากหลายสามารถลดต้นทุนได้ มีการผลิตปุ๋ยหมักที่ผ่านการคิดค้นสูตรที่ให้ผลดีกับการเจริญเติบโตของพืช การทำดินผสมปลูกที่ตอบโจทย์ในการใช้งานเพาะปลูกพืชแต่ละชนิด อีกทั้งความรู้เกี่ยวกับการประกอบการ การวางแผนการผลิต การวางแผนการตลาดที่ต่อเนื่อง รวมถึงการนำเทคโนโลยีการทำการตลาดออนไลน์อย่างง่ายมาใช้ในการทำตลาด และยังได้รับการหนุนเสริมที่ดีจากเครือข่ายที่เข้มแข็ง การยอมรับและการให้ความร่วมมือที่ดีจากชุมชนต่าง ๆ จึงควรเข้าไปมี่ส่วนร่วมในการขับเคลื่อนงานของโครงการเพื่อให้โครงการบรรลุวัตถุประสงค์ได้อย่างดี

ขอบเขตพื้นที่การศึกษา   โครงการตำรวจพันธุ์ดี สภ.หนองฉาง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี

วัตถุประสงค์  

1. เพื่อเชื่อมโยงเครือข่าย และพัฒนาเครือข่าย

2. เพื่อบริการวิชาการ ถ่ายทอดองค์ความรู้

3. เพื่อสร้างความรู้จัก ภาพลักษณ์ที่ดีต่อชุมชน หน่วยงาน

ปีที่จัดกิจกรรม  2566

ช่วงเวลาที่เกี่ยวข้อง  1 ปี

ระดับความร่วมมือ/ระดับความสำคัญ  เครือข่ายเกษตรกร, ชุมชน, หน่วยงานภายในจังหวัด

รูปแบบดำเนินกิจกรรม  

1.ให้คำแนะนำ ปรึกษา การบริหารจัดการโครงการ การวางแผนงาน

2.ถ่ายทอดองค์ความรู้ การทำเกษตรอินทรีย์ และการเก็บเมล็ดพันธุ์

3.ติดตาม ประเมินผล และวางแนวทางการแก้ปัญหา พัฒนาให้เกิดความยั่งยืน

กลุ่มเป้าหมายจากผู้ร่วมกิจกรรม  ตำรวจพันธุ์ดี สภ.หนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี

จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม  ตำรวจพันธุ์ดี จำนวน 10 นาย เครือข่ายเกษตรกร จำนวน  2  เครือข่าย และผู้ถูกคุมประพฤติ จำนวน 30 คน

ผลลัพธ์ที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อ  

1.นำความรู้ที่ได้ไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

2.เป็นหนึ่งในแนวทางการพึ่งพาตนเอง ให้กับกำลังพลและครอบครัวตำรวจ
ได้มีความรู้ในทำการเกษตร มีผลผลิตบริโภคภายในครัวเรือน ลดภาระรายจ่าย สร้างรายได้เพิ่ม
และสามารถถ่ายทอด แบ่งปันความรู้จากการปฏิบัติสู่ชุมชนรอบข้าง

3.เป็นพื้นที่ในการเก็บ สำรอง และแบ่งปัน ช่วยเหลือ ด้านเมล็ดพันธุ์ให้กับพื้นที่ขาดแคลนหรือพื้นที่จำเป็นยามสภาวะฉุกเฉินในอนาคต

 
SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*SDGs 1,2,3,4,8,12,15เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*SDGs 1,2,3,4,8,12,15
SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ 
Links ข้อมูลเพิ่มเติม * 
 
 Facebook
 
MU-SDGs Strategy* 
Partners/Stakeholders*

มหาวิทยาลัยมหิดล

สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดอุทัยธานี

สถานีตำรวจภูธรอำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี

สำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดอุทัยธานี

สำนักงานประมงจังหวัดอุทัยธานี

สำนักงานคุมประพฤติจังหวัดอุทัยธานี

เครือข่ายเกษตรกร อำเภอหนองฉาง

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)* 
Key Message*โครงการตำรวจพันธุ์ดี เป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีที่มีจุดประสงค์เพื่อน้อมนำ ส่งเสริมการดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นหนึ่งในแนวทางการพึ่งพาตนเองให้กับกำลังพลและครอบครัวตำรวจ ได้มีความรู้ในทำการเกษตร มีผลผลิตบริโภคภายในครัวเรือน ลดภาระรายจ่าย สร้างรายได้เพิ่มและสามารถถ่ายทอด แบ่งปันความรู้จากการปฏิบัติสู่ชุมชนรอบข้าง
ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง 

โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG (U2T for BCG) ตำบลยางขาว

MU-SDGs Case Study*

โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG (U2T for BCG) ตำบลยางขาว

ผู้ดำเนินการหลัก*

ธนากร จันหมะกสิต และ ดร.ปัณฑารีย์ แต้ประยูร 

ส่วนงานหลัก*

โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล

ผู้ดำเนินการร่วม

ส่วนงานร่วม

เนื้อหา*

         ตามที่รัฐบาล มีแผนงานในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่มุ่งเน้นการรักษาระดับการจ้างงานของผู้ประกอบการและกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศประกอบกับที่รัฐบาลได้กำหนดให้เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (Bio Circular-Green Economy : BCG Economy) เป็นยุทธศาสตร์ชาติในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ BCGEconomy เนื่องจาก อว. มีความพร้อมด้านบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ มีองค์ความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรม

“โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG” นี้ จะเป็นการต่อยอดการดำเนินการจาก “โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ” โดยจะใช้ข้อมูล Thailand Community Big Data (TCD) ที่ได้ดำเนินการมาใน “โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ” ที่บ่งบอกถึงศักยภาพและความพร้อมของทรัพยากร ความหลากหลายทางชีวภาพและความหลากหลายทางวัฒนธรรมของพื้นที่ที่จะนำมาใช้ในการพัฒนารายพื้นที่ด้วยยุทธศาสตร์เศรษฐกิจBCG รวมถึงการเพิ่มและรักษาระดับการจ้างงานบัณฑิตและประชาชนในพื้นที่

ตามที่โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล  ได้รับความเห็นชอบจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ให้ดำเนิน“โครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมฐานรากหลังโควิดด้วยเศรษฐกิจ BCG (U2T for BCG)” จากการต่อยอดการดำเนินการจาก “โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ” โดยจะใช้ข้อมูล Thailand Community Big Data (TCD) ที่ได้ดำเนินการมาใน “โครงการยกระดับเศรษฐกิจและสังคมรายตำบลแบบบูรณาการ” ที่บ่งบอกถึงศักยภาพและความพร้อมของทรัพยากร ความหลากหลายทางชีวภาพและความหลากหลายทางวัฒนธรรมของพื้นที่ที่จะนำมาใช้ในการพัฒนารายพื้นที่ด้วยยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ BCG รวมถึงการเพิ่มและรักษาระดับการจ้างงานบัณฑิตและประชาชนในพื้นที่โครงการ ตำบลนิคมเขาบ่อแก้ว อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ ระยะเวลาในการดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม  ถึง 30 กันยายน 2565 โดยมีวงเงินทั้งสิ้น 505,000.-บาท (ห้าแสนห้าพันบาทถ้วน)

ตำบลยางขาว อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ มีเนื้อที่ประมาณ 25,999 ไร่ ปี 2556 มีประชากร 3,907 คน 1,273 ครัวเรือน ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนา ทำสวน ทำไร่ และประมง นอกนั้นมีอาชีพรับจ้างค้าขาย 

จากการสำรวจของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พบว่าจากปริมาณการนำเข้าปุ๋ยเคมีมากกว่าสองล้านตันในแต่ปีถูกนำไปใช้ในการผลิตข้าวมากกว่าพืชเศรษฐกิจอื่น ๆ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการเพิ่มต้นทุนการผลิตข้าวต่อไร่ให้สูงขึ้น อีกทั้งยังพบว่าสาเหตุหลักของการใส่ปุ๋ยเคมีในนาข้าวของเกษตรกรจำนวนมากยังไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและไม่เป็นไปตามความต้องการของข้าว นอกจากต้นทุนการใช้ปุ๋ยที่เกินความจำเป็นจะเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญที่ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตข้าวสูงแล้ว ยังพบว่าต้นทุนที่สำคัญอีกประการคือเรื่องของค่าเมล็ดพันธุ์ โดนส่วนใหญ่พบว่าเกษตรกรไม่มีการเก็บเมล็ดพันธุ์เอง หรือ การเก็บเมล็ดพันธุ์เองนั้นไม่มีคุณภาพ ส่งผลให้ผลผลิตและคุณภาพของข้าวลดลง

ดังนั้น การลดต้นทุนการผลิตข้าวจึงเป็นเป้าหมายสำคัญยิ่งในการช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถมีรายได้จากการทำนา โดยการปรับปรุงและแก้ปัญหาหลัก 2 ประการ คือ เมล็ดพันธุ์ ทั้งคุณภาพและอัตราการใช้ และปัญหาการใช้ปุ๋ยเคมี ทั้งใช้เกินความจำเป็นและไม่ตรงกับความต้องการของพืช เป็นสิ่งที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะนอกจากจะช่วยลดค่าเมล็ดพันธุ์และค่าปุ๋ยเคมีแล้ว ยังช่วยลดการระบาดของโรคแมลง และเพิ่มผลผลิตต่อไร่อีกด้วย ซึ่งในปี 2563 กรมส่งเสริมการเกษตรได้รายงานผลจากการใช้ปุ๋ยตามค่าวิเคราะห์ดินในพื้นที่ปลูกข้าว 159,186 ไร่ ทำให้ค่าปุ๋ยลดลงจากไร่ละ 732 บาท เหลือ 534 บาท หรือลดลง 27% และผลผลิตเพิ่มขึ้นจากไร่ละ 643 กก. เป็น 703 กก. หรือเพิ่มขึ้น 9% จะเห็นได้ว่าการใช้ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพโดยการพิจารณาปริมาณธาตุอาหารให้เหมาะสมกับค่าการวิเคราะห์ดิน ความอุดมสมบูรณ์ของดิน ลักษณะของดิน เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การผลิตข้าวมีประสิทธิภาพและได้ผลผลิตที่มีคุณภาพในต้นทุนที่ลดลงต่อไป 

อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในชุมชน การมีส่วนร่วมของคนในชุมชนที่จะขับเคลื่อนการลดต้นทุนการผลิตข้าวโดยการใช้ปุ๋ยตามค่าการวิเคราะห์ดินผ่านกลไกการจัดตั้งศูนย์การจัดการดินปุ๋ยชุมชนที่มีการบริหารจัดการโดยเกษตรกร ซึ่งจะมีบทบาทหน้าที่เป็นเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนสำหรับแก้ไขจากปัญหาของชุมชนและสามารถตอบสนองความต้องการด้านการเกษตรของชุมชนได้เอง โดยใช้กระบวนการเรียนรู้แบบมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องตลอดฤดูการผลิต เกษตรกรมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเกษตรกรต้นแบบในลักษณะของเกษตรกรสอนเกษตรกร ซึ่งจะก่อให้เกิดระบบระบบการผลิตที่พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน ดังนั้นโครงการนี้จึงมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาศูนย์การจัดการดินปุ๋ยของชุมชนโดยคนในชุมชนมีส่วนร่วม และพร้อมในการให้บริการ และถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านการจัดการดินปุ๋ยแก่เกษตรกร อีกทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้โดยมีเกษตรกรต้นแบบเป็นผู้ถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านกระบวนการในการทำงานที่บูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ได้อย่างยั่งยืนต่อไป

 

SDGs หลักที่สอดคล้องกับกิจกรรม*

SDGs 1,2,8,12

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG หลัก*

SDGs 1,2,8,12

SDGs อื่น ๆ ที่สอดคล้อง

เป้าประสงค์ย่อยใน SDG อื่นๆ

Links ข้อมูลเพิ่มเติม *

 
 
 

MU-SDGs Strategy*

Partners/Stakeholders*

องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตำบลยางขาว อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์

วิสาหกิจชุมชนสามัคคีพันธุ์ข้าว และเกษตรกรใน ต.ยางขาว

สำนักงานส่งเสริมการเกษตรจังหวัดนครสวรรค์

 

ภาพประกอบ (3-5 ภาพ)*

   

Key Message*

ตัวชี้วัด THE Impact* Rankings ที่สอดคล้อง