ความสำคัญ บึงบอระเพ็ดเป็นบึงน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ สภาพภูมิประเทศของบึงบอระเพ็ดเป็นพื้นที่ลุ่มที่มีความหลากหลายทางชีวภาพบริเวณพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขัง ซึ่งมีทั้งพืชน้ำ สัตว์น้ำ และสัตว์ป่า โดยเฉพาะกลุ่มนกที่มีทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพ ส่วนชุมชนโดยรอบได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ชุ่มน้ำด้วยการทำการประมง และใช้น้ำเพื่อการเกษตร โดยเฉพาะการทำนาที่มีมากที่สุดจำนวน 79,858 ไร่ ซึ่งเป็นรูปแบบนาปรังที่ใช้น้ำมาก ทำให้ปริมาณน้ำบึงบอระเพ็ดลดลงอย่างรวดเร็วจนส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ชุมชนเกิดความขัดแย้งในการแย่งน้ำไปทำนา นอกจากนี้การทำนาปรังส่งผลให้เกิดการผลิตก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศอีกด้วย ส่วนพืชน้ำที่เจริญเติบโตหนีน้ำไม่ทันในช่วงฤดูน้ำหลาก จะทำให้เกิดหญ้าเน่าจากกระบวนการย่อยสลายของจุลินทรีย์ที่ไม่ใช้ออกซิเจน ซึ่งมีการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเช่นกัน ในการนี้แสดงให้เห็นว่าพื้นที่ชุ่มน้ำมีการผลิตก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเป็นการทำนาปรังและน้ำท่วมวัชพืชในช่วงฤดูน้ำหลาก ดังนั้นเพื่อให้สอดคล้องกับการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทำให้มีแนวคิดในการลดการผลิตก๊าซเรือนกระจกด้วยการปรับวิธีการทำนาจากนาปรังเป็นนาเปียกสลับแห้งที่ใช้น้ำน้อยและปลดปล่อยก๊าซมีเทนน้อยกว่านาปรังหลายเท่า และส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน นอกจากนี้การส่งเสริมให้นำวัชพืชน้ำจากบึงบอระเพ็ดมาใช้ประโยชน์แปรรูปเป็นปุ๋ยที่สร้างรายได้และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในตำบลพระนอน มีการส่งเสริมให้มีการรวมกลุ่มจัดตั้งกลุ่มผู้ผลิตปุ๋ย ซึ่งรูปแบบที่จะออกมาขึ้นอยู่กับบริบทของพื้นที่ การดำเนินงานทั้งหมดสอดคล้องกับนโยบายของ COP28 และบึงบอระเพ็ด sandbox ที่ตั้งเป้าให้เกิด Net Zero ในปี 2573 ต่อไป
วัตถุประสงค์ 1) เพื่อสร้างกระบวนการเรียนรู้ในการปรับแนวคิดของประชาชนสู่การปรับวิถีการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ชุ่มน้ำบึงบอระเพ็ด 2) เพื่อสร้างแหล่งเรียนรู้ในการประกอบอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ชุ่มน้ำบึงบอระเพ็ด 3) เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์จากพืชน้ำและการเกษตรเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ความคืบหน้าในการดำเนินการ โครงการอยู่ระหว่างเริ่มดำเนินการ โดยมีการให้ความรู้กับประชาชนในพื้นที่ตำบลวังมหากรและตำบลพระนอน และมีการสอบถามความต้องการในการขับเคลื่อน (Need Assessment) ในการทำนาและการจัดการวัชพืชน้ำบึงบอระเพ็ด มีการดูงานเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และการทดลองการทำนาเปียกสลับแห้งในพื้นที่บึงบอระเพ็ดจำนวน 100 ไร่ อีกด้วย ผลผลิตของโครงการ 1) การฝึกอบรมที่ครอบคลุมเนื้อหาเทคโนโลยีสีเขียว การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ SDGs BCG และการปรับตัวในการทำการเกษตรในพื้นที่ชุ่มน้ำ 2) พื้นที่ต้นแบบในการทำนาเปียกสลับแห้ง และจัดตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนในการทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในตำบลวังมหากร อำเภอท่าตะโก จังหวัดนครสวรรค์ 3) พื้นที่ต้นแบบในการผลิตปุ๋ยจากพืชน้ำบึงบอระเพ็ด และการจัดตั้งกลุ่มผลิตปุ๋ยในตำบลพระนอน อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ 4) ผลการคำนวณอัตราผลตอบแทนเชิงสังคม (SROI) ของโครงการ 5) คู่มือการขับเคลื่อนเชิงนโยบายสำหรับหน่วยงานในพื้นที่ ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1) ประชาชนในพื้นที่ชุ่มน้ำมีความรู้ ความเข้าใจ และมีแนวคิดที่เปลี่ยนไปในการประกอบอาชีพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ชุ่มน้ำบึงบอระเพ็ด 2) พื้นที่ต้นแบบในการทำนาเปียกสลับแห้งและการผลิตปุ๋ยจากพืชน้ำบึงบอระเพ็ด เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับชุมชนอื่นๆ และขยายผลต่อในอนาคตบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงและพื้นที่ชุ่มน้ำอื่นๆ 3) ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเข้าร่วมกิจกรรม 4) คู่มือการขับเคลื่อนเชิงนโยบายจะเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนในพื้นที่ชุ่มน้ำอื่นๆที่มีบริบทคล้ายกับบึงบอระเพ็ด 5) ธนารักษ์พื้นที่นครสวรรค์สามารถกำหนดแนวทางการทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในสัญญาเช่าของประชาชนบึงบอระเพ็ดในอนาคตต่อไป ผลการดำเนินงาน 1) ชุมชนได้มีการเรียนรู้จากการทำกิจกรรมที่ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก ด้วยการนำวัชพืชน้ำมาหมักเป็นปุ๋ยในพื้นที่ตำบลพระนอน และการทำนาเปียกสลับแห้งจำนวน 100 ไร่ ในพื้นที่ตำบลวังมหากรและตำบลทับกฤช 2) ชุมชนมีการจัดกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจำนวน 2 ตำบล ได้แก่ กลุ่มวิสาหกิจชุมชนบึงบอระเพ็ดโลว์คาร์บอนตำบลวังมหากร และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบึงบอระเพ็ดโลว์คาร์บอนตำบลพระนอน และเกิดแบรนด์ “บึงบอระเพ็ดโลว์คาร์บอน” ดังรูปที่ 1 3) เกิดผลิตถัณฑ์ต้นแบบบึงบอระเพ็ดจำนวน 2 ชื้น ได้แก่ วัสดุปรับปรุงดินจากวัชพืชน้ำ และข้าวจากนาเปียกสลับแห้ง 4) มีการเปิดศูนย์การเรียนรู้ชุมชนต้นแบบในพื้นที่ชุ่มน้ำบึงบอระเพ็ด ณ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ด เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับคนในชุมชนและผู้ที่สนใจ สิ่งที่ได้ได้ต่อยอดจากโครงการ 1) จังหวัดนครสวรรค์ได้ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนการทำนาเปียกสลับแห้ง ดังคำสั่งจังหวัดนครสวรรค์หมายเลข 03367/2567 เรื่อง “แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาการทำการเกษตรด้วยการทำนาเปียกสลับแห้งในพื้นที่ต้นแบบบึงบอระเพ็ด และพื้นที่อื่นๆ จังหวัดนครสวรรค์” เพื่อส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวของการทำนาเปียกสลับแห้ง 2) เขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงบอระเพ็ดได้รับทุนสนับสนุนจากกองทุนสิ่งแวดล้อมจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ภายใต้โครงการ “โครงการส่งเสริมการปรับวิถีการเกษตรบึงบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์” เพื่อส่งเสริมการทำนาเปียกสลับแห้งด้วยการปรับพื้นที่และการส่งเสริมการขยายตัวเพิ่มปีละ 800 ไร่ภายใน 3 ปี 3) เครือข่ายบึงบอระเพ็ดได้มีการเชื่อมโยงกับภาคเอกชน เพื่อผลักดันการปรับพื้นที่การเกษตรของบึงบอระเพ็ดให้เหมาะสมกับการทำนาเปียกสลับแห้ง โดยบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (SCG) และบริษัท สยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด ได้เข้ามาสนับสนุนในการเชื่อมโยงเครือข่ายกับระดับนโยบายและสนับสนุนเครื่องจักรในการทดลองใช้เครื่องมือเพื่อปรับระดับพื้นที่เพื่อส่งเสริมการทำนาเปียกสลับแห้งในแปลงทดลองของชุมชนที่ตำบลพระนอน 4) เกิดการเชื่อมโยงด้านการปรับปรุงพันธุ์ข้าวจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) เพื่อสนับสนุนองค์ความรู้และเมล็ดพันธุ์ข้าวที่มีคุณภาพ ให้กับเครือข่ายบึงบอระเพ็ดได้นำไปปรับปรุงพันธุ์ข้าวในบึงบอระเพ็ด
 รูปที่ 1 ขั้นตอนการดำเนินโครงการ
|